ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บมจ.ไทยออยล์ ชี้ GDP จีนพุ่งหนุนราคาน้ำมัน


 

 

บมจ.ไทยออยล์  : "GDP จีนพุ่งสูงสุดในรอบปี หนุนราคาน้ำมัน"

น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบ พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.14 เหรียญฯ ปิดที่ 100.81 เหรียญฯ ขณะที่เบรนท์ส่งมอบ ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.83 เหรียญฯ ปิดที่ 109.94 เหรียญฯ
 
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นหลังจีนเผยตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำไตรมาส 3/56 ขยายตัวสูงสุดในรอบปีนี้ที่ 7.8% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 2.2% โดยสาเหตุหลักมาจากตัวเลขการลงทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออก การผลิตภาคโรงงานและยอดค้าปลีกในเดือน ก.ย. ปรับลดลงสะท้อนถึงนโยบายใหม่ของรัฐบาลที่เน้นการเติบโตในประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ความต้องการใช้น้ำมันของประเทศยังคงผันผวน
 
+ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนราคาน้ำมัน โดยนักลงทุนมองว่าภาวะขาดเงินคงคลังหรือ government shutdown ของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในไตรมาสนี้ และยังอาจเป็นเหตุให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอการยุติมาตรการ QE  ออกไปก่อนอย่างน้อยก็จนถึงปีหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแรงแล้วจริง 
 
+ สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานว่าความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐฯ ในเดือน ก.ย. ปรับเพิ่มสูงขึ้น 2.7% เทียบจากปีที่แล้ว และถือว่าเพิ่มขึ้น 1.7% เทียบจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.1% ขณะที่น้ำมันดีเซลเพิ่ม 3.8% 
 
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกน้ำมันเบนซินจากยุโรปมายังเอเซียเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี หน่วยผลิตน้ำมันเบนซินในไต้หวันคาดว่าจะกลับมาจากซ่อมบำรุงในช่วงปลายเดือนนี้ซึ่งถือว่าช้ากว่ากำหนด
 
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ยังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าอุปทานอาจตึงตัวขึ้นหลังโรงกลั่นบางแห่งในญี่ปุ่นคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นวิภา
 
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 100-106 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 108-114 เหรียญฯ จับตาท่าทีตลาดหลังสหรัฐฯ ผ่านวิกฤติ Government Shutdown มาได้ชั่วคราว รวมถึงติดตามดัชนีภาคการผลิตสหภาพยุโรปและจีน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่
วันจันทร์: ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯ
วันอังคาร: -
วันพุธ: ดัชนีราคาบ้านสหรัฐฯ
วันพฤหัสบดี: ดัชนีภาคการผลิต และดัชนีภาคการบริการสหภาพยุโรปและเยอรมนี อีกทั้งดัชนีราคาผู้ผลิตเยอรมนี และดัชนีภาคการผลิตจีน รวมไปถึงยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ
วันศุกร์: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน จำนวนใบอนุญาตสร้างบ้านใหม่ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ รวมไปถึงความเชื่อมั่นทางธุรกิจเยอรมนี
 
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- ติดตามรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ภายหลังจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯรายงานโดยสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 13 ล้านบาร์เรลในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา 
- จับตาผลตอบรับของตลาด หลังจากสหรัฐฯ สามารถยุติภาวะ Government Shutdown และสามารถขยายเพดานหนี้ออกไปได้ชั่วคราวจนถึงต้นปีหน้า รวมถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อการชะลอมาตรการ QE
- การประท้วงของคนงานโรงกลั่นน้ำมันในสก็อตแลนด์ ซึ่งสร้างความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว เนื่องจากโรงกลั่นดังกล่าว เป็นแหล่งพลังงานไอน้ำและไฟฟ้าให้กับหลุมน้ำมันของบริษัท บีพี ซึ่งเป็นหนึ่งในหลุมผลิตน้ำมันหลักของทะเลเหนือ
 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 ต.ค. 2556 เวลา : 09:00:02

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:47 am