"ราคาน้ำมันดิบลด หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาด"
น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบ พ.ย. (ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสัญญา) ปรับลดลง 1.59 เหรียญฯ ปิดที่ 99.22 เหรียญฯ (ส่วนสัญญาเดือน ธ.ค. ปรับลดลง 1.43 เหรียญฯ ปิดที่ 99.68เหรียญ) ขณะที่เบรนท์ส่งมอบ ธ.ค. ปรับลดลง 0.30 เหรียญฯ ปิดที่ 109.64 เหรียญฯ
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลงต่ำกว่า 100 เหรียญฯเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ค. หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 ต.ค. 56 ปรับเพิ่มขึ้น 4 ล้านบาร์เรล เป็น 474.5 ล้านบาร์เรล และมากกว่าการคาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.2 ล้านบารร์เรล ประกอบกับปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่บริเวณคุชชิ่ง โอคลาโฮมา ปรับเพิ่มขึ้น 0.366 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 สัปดาห์ ขณะที่ปริมาณน้ำมันดีเซลและเบนซีนคงคลังปรับลดลง 1.8 และ 2.6 ล้านบาร์เรลตามลำดับ
- ยอดขายบ้านมือสอง สหรัฐฯ ในเดือนก.ย.ลดลง 1.9% เป็น 5.29 ล้านยูนิต ซึ่งใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่ายอดขายบ้านจะอยู่ที่ 5.3 ล้านยูนิต เนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่สูงขึ้น ทำให้การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยได้ชะลอความแรงลง
+อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงได้รับการสนันสนุนจากอุปทานที่ลดลง จากทั้งลิเบียและไนจีเรีย ส่งผลให้ผลต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์กว้างที่สุดในรอบ 6 เดือน
-/+ นักลงทุนต่างจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร สหรัฐฯ ในเดือน ก.ย.ที่จะประกาศในคืนนี้ ซึ่งเลื่อนจากกำหนดเดิมในต้นเดือนต.ค. เนื่องจากได้รับผลกระทบของการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วน โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ราย หลังจากที่เพิ่มขึ้น 169,000 รายในเดือนส.ค.
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการจากอินโดนีเซียยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดีคาดว่าอุปทานจากไต้หวันมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานลดลงหลังโรงกลั่นบางแห่งในญี่ปุ่นจำเป็นต้องหยุดดำเนินการผลิตกระทันหันหลังจากได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นวิภา อย่างไรก็ดีความต้องการจากอินโดนีเซียและเวียดนามยังคงเบาบาง
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 98-104 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 108-114 เหรียญฯ จับตาท่าทีตลาดหลังสหรัฐฯ ผ่านวิกฤติ Government Shutdown มาได้ชั่วคราว รวมถึงติดตามดัชนีราคาบ้านสหรัฐฯที่จะประกาศในวันพุธ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่
วันอังคาร: -
วันพุธ: ดัชนีราคาบ้านสหรัฐฯ
วันพฤหัสบดี: ดัชนีภาคการผลิต และดัชนีภาคการบริการสหภาพยุโรปและเยอรมนี อีกทั้งดัชนีราคาผู้ผลิตเยอรมนี และดัชนีภาคการผลิตจีน รวมไปถึงยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ
วันศุกร์: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน จำนวนใบอนุญาตสร้างบ้านใหม่ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ รวมไปถึงความเชื่อมั่นทางธุรกิจเยอรมนี
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- ติดตามรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ภายหลังจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯรายงานโดยสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 13 ล้านบาร์เรลในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
- จับตาผลตอบรับของตลาด หลังจากสหรัฐฯ สามารถยุติภาวะ Government Shutdown และสามารถขยายเพดานหนี้ออกไปได้ชั่วคราวจนถึงต้นปีหน้า รวมถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อการชะลอมาตรการ QE
- การประท้วงของคนงานโรงกลั่นน้ำมันในสก็อตแลนด์ ซึ่งสร้างความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว เนื่องจากโรงกลั่นดังกล่าว เป็นแหล่งพลังงานไอน้ำและไฟฟ้าให้กับหลุมน้ำมันของบริษัท บีพี ซึ่งเป็นหนึ่งในหลุมผลิตน้ำมันหลักของทะเลเหนือ
ข่าวเด่น