"ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่ง"
เวสต์เท็กซัสส่งมอบ ธ.ค.ปรับลดลง 1.44 เหรียญฯ ปิดที่ 96.86 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบ ธ.ค. ปรับเพิ่มลดลง 2.17 เหรียญฯ ปิดที่ 107.80 เหรียญฯ
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 100 เหรียญฯ ภายหลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ได้มีการรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ต.ค. 56 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 5.2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 380 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.9 ล้านบาร์เรล เนื่องจาก มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตที่หายไปประมาณ 6% หรือ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
-/+ส่วนน้ำมันดิบคงคลังที่คุชชิ่ง โอคลาโฮมา (จุดส่งมอบน้ำมันดิบ WTI) ปรับเพิ่มขึ้น 0.3 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 33.34 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ในส่วนของน้ำมันเบนซินคงคลังมีการปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 215.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3 ล้านบาร์เรล
- ดัชนีราคาบ้าน ประจำเดือน ก.ย. 56 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าการคาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.8% อย่างไรก็ตาม การปรับตัวดังกล่าวถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 9 เดือนติดต่อกัน
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 148,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ย. น้อยกว่าการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง ในขณะที่อัตราว่างงานสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 7.2% ในเดือนก.ย. ซึ่งดีกว่าระดับที่คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 7.3%
+ ทั้งนี้ จากข้อมูลด้านแรงงานที่อ่อนแอดังกล่าว รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถดถอยลงอันเนื่องมาจากการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐฯ นั้น ส่งผลให้มีการคาดการณ์กันในวงกว้างว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจมีการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีอุปทานเข้ามาจากเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ปริมาณอุปสงค์จากอินโดนีเซียยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน Balongan เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค ซึ่งคาดว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการอีกครั้งในช่วงกลางเดือน พ.ย. นี้
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ปริมาณอุปสงค์ในภูมิภาคยังคงแข็งแกร่ง จากความต้องการจากอินโดนีเซียและศรีลังกา
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 95-101 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 106-112 เหรียญฯ จับตาท่าทีตลาดหลังสหรัฐฯ ผ่านวิกฤติ Government Shutdown มาได้ชั่วคราว ส่วนคืนนี้ติดตามยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯและดัชนีภาคการผลิตจีน รวมถึงดัชนีภาคการผลิต และดัชนีภาคการบริการสหภาพยุโรปและเยอรมนี
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันพฤหัสบดี: ดัชนีภาคการผลิต และดัชนีภาคการบริการสหภาพยุโรปและเยอรมนี อีกทั้งดัชนีราคาผู้ผลิตเยอรมนี และดัชนีภาคการผลิตจีน รวมไปถึงยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ
วันศุกร์: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน จำนวนใบอนุญาตสร้างบ้านใหม่ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ รวมไปถึงความเชื่อมั่นทางธุรกิจเยอรมนี
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- ติดตามรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ภายหลังจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯรายงานโดยสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 13 ล้านบาร์เรลในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
- จับตาผลตอบรับของตลาด หลังจากสหรัฐฯ สามารถยุติภาวะ Government Shutdown และสามารถขยายเพดานหนี้ออกไปได้ชั่วคราวจนถึงต้นปีหน้า รวมถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อการชะลอมาตรการ QE
- การประท้วงของคนงานโรงกลั่นน้ำมันในสก็อตแลนด์ ซึ่งสร้างความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว เนื่องจากโรงกลั่นดังกล่าว เป็นแหล่งพลังงานไอน้ำและไฟฟ้าให้กับหลุมน้ำมันของบริษัท บีพี ซึ่งเป็นหนึ่งในหลุมผลิตน้ำมันหลักของทะเลเหนือ
.jpg)
ข่าวเด่น