นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วงเงินรับจำนำข้าวภายในสิ้นปี 2556 จะอยู่ในกรอบ 5 แสนล้านบาท (เป็นวงเงินกู้ 4.1 แสนล้านบาทและเงินสภาพคล่อง ธกส. 9 หมื่นล้านบาท) แม้ขณะนี้เมื่อหักเงินชำระหนี้จากการระบาย ยังติดลบหรือมีใช้วงเงินเกินประมาณ 5 หมื่นกว่าล้านบาทก็ตาม แต่ในช่วง 3 เดือนนี้ (ต.ค.-ธ.ค.) กระทรวงพาณิชย์ สัญญาว่าจะนำเงินระบายมาชำระคืน 3 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนเหลืออีก 2 หมื่นล้านบาท จะนำเงินงบประมาณ 2557 ที่ต้องคืนให้กับ ธ.ก.ส 8.2 หมื่นล้านบาท มาตัดชำระคืนก่อน ซึ่งจะเหลือเงินที่ต้องคืนให้ ธ.ก.ส. อีกประมาณ 4 หมื่นกว่าล้านบาท มาใช้หมุนเวียนเพื่อจ่ายในการรับจำนำข้าว 2556/2557 ไปพลางก่อน คาดว่า จะเริ่มจ่ายได้ต้นเดือน พ.ย. นี้ โดยจะนำแนวทางนี้เสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด ธ.ก.ส. เพื่ออนุมัติ ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ด้วย
ส่วนวงเงินกู้ใหม่ 1.4 แสนล้านบาท จากวงเงินรับจำนำข้าวปี2556/2557 จำนวน2.7แสนล้านบาท นายทนุศักดิ์ กล่าวว่าจะเริ่มดำเนินการ ประมาณเดือน ม.ค. 2557 เพื่อไม่ให้เกิดข้อผูกพันกับวงรับจำนำเดิม 5 แสนล้านบาท พร้อมกับปรับกระบวนการรับจำนำ ให้ความเสี่ยงลง เพราะสิ้นปี2557 วงเงินรับจำนำจะต้องอยู่ในกรอบเดิมไม่เกิน 5 แสนล้านบาท อยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการคลัง และได้มีการหารือชี้แจ้งกับทางสำนักงานงบประมาณ วงเงินคืนรับจำนำข้าวจะมาจากทั้งเงินกู้และเงินระบายข้าว
นายทนุศักดิ์ เชื่อว่า ในปีหน้าแม้จะมีการกู้ใหม่เพิ่ม แต่ก็จะมีการระบายข้าวได้เพิ่มเช่นกัน รวมทั้งจะมีมาตรการหรือโครงการใหม่ออกมาเพิ่มเติม เพราะมองว่า ในปีหน้าเชื่อว่า ข้าวจะไม่พอขาย จากผู้ซื้อรายเดิมซื้อเพิ่มขึ้นเช่น จีน และต้องปรับเปลี่ยนวิธีการระบายข้าวไม่รับจำนำข้าวมากองไว้ที่โกดัง แต่จะให้เกิดระบบซื้อมาขายไป ระหว่างผู้ผลิตกับผู้ส่งออกทันที หรือให้กระทรวงพาณิชย์ จับคู่ระหว่างโรงสีกับผู้ส่งออก ใช้ราคาจริงในตลาดที่มีการซื้อขาย สามารถขายเป็นข้าวเปลือกได้โดยไม่ต้องสี เป็นข้าวสาร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการตามที่ได้ตกลงกัน
ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมาย จะมีข้าวในระบบนี้ สัดส่วนประมาณ 50% ของปริมาณข้าวที่ระบบจำนำทั้งหมด และจากการสำรวจข้าว 10 ประเภท พบว่า มีข้าว 5 ประเภทที่ไม่พบปัญหารับจำนำแล้วราคาปรับลง ได้แก่ ข้าว หอมมะลิ ข้าวหอมจังหวัด ข้าวหอมปทุม ข้าวเหลืองเมล็ดยาว ข้าวเหลือเมล็ดสั้น จะใช้วิธีการจับคู่ขาย ส่วนที่มีปัญหาอีก 5 ประเภท ได้แก่ ข้าวขาว ข้าว100 ข้าว15 ข้าว 25 ข้าว 5 จะต้องหาวิธีขายให้เร็ว คือ ขายเป็นข้าวเปลือกไม่ต้องแปรสภาพ หรือจะส่งเสริมให้มีไซโลแยกออกมาเฉพาะสำหรับเก็บข้าวเปลือกหรือข้าวที่มีปัญหา ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงของรัฐลดลงไป ครึ่งหนึ่งทันที
“เดิมรับซื้อข้าวมาแพง แล้วเก็บไว้ในโรงสี และยังขายได้ราคาที่ต่ำกว่าทุน ยิ่งกลายเป็นต้นทุนของรัฐบาล แต่ถ้ามีการขายข้าวโดยตรง ยอมรับราคาซื้อขายได้ เช่น รับซื้อมา 10 บาทจะขายได้ 9บาท ขายข้าวออกไปทันที ผลขาดทุนย่อมจะลดลงจากเดิมแน่นอน”
พร้อมกันนี้ล่าสุด นายทนุศักดิ์ ได้สั่งการ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศและธ.ก.ส. เข้มงวดตรวจสอบใบประทวน และยืนยันเกษตรกรให้ชัดเจนก่อน ตามมติครม. ฉะนั้นในช่วงนี้การจ่ายเงินรับจำนำรอบใหม่อาจล่าช้าออกไปขอให้เกษตรกรเข้าใจ และคาดว่าจะสามารถเริ่มจ่ายเงินได้ประมาณต้นเดือน พ.ย.นี้ เนื่องจากช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เริ่มตรวจสอบพบชัดเจนมากขึ้น กรณีการนำข้าวจากประเทศเพื่อบ้านผ่านชายแดนมาสวมสิทธิ์ เชื่อว่า เกิดจากเหตุน้ำท่วมทำให้มีการนำเข้ามาสวมสิทธิ์ในการรับจำนำ โดยยังต้องเป็นกระบวนการระดับที่โรงสีมีส่วนรู้เห็นกับเกษตร เบื้องต้นยังสามารถพบเห็น รถสิบล้อวิ่งทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถจับกุมได้
| เบรกกิ้งนิวส์ |
|
| บล.เมย์แบงค์ กิมเอ็ง คงมุมมองต่อการลงทุน "Neutral" |
ข่าวเด่น