" WTI ขึ้นต่อหลัง TransCanada เตรียมเปิดใช้งานท่อส่งน้ำมันเพิ่ม "
เวสต์เท็กซัสส่งมอบ ธ.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 0.74 เหรียญฯ ปิดที่ 97.85 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบ ธ.ค. ปรับลดลง 0.06 เหรียญฯ ปิดที่ 106.93 เหรียญฯ
+ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังบริษัท TransCanada เตรียมเปิดดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบ Marketlink pipeline ที่มีกำลังขนส่ง 400,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของท่อส่ง Gulf Coast Project ที่จะขนส่งน้ำมันดิบจากบริเวณคุชชิ่ง โอกลาโฮมามายังโรงกลั่นในแถบอ่าวเม็กซิโก หรือบริเวณ Port Arthur รัฐเท็กซัส โดยท่อนี้มีกำหนดเริ่มทดสอบท่อต้นเดือนหน้าและพร้อมเปิดใช้งานเต็มที่ปลายปี
+ ความคืบหน้าของท่อส่งน้ำมันดังกล่าว ประกอบกับกำหนดการเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นหลายแห่งของสหรัฐฯ ทำให้ตลาดคลายความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันดิบสหรัฐฯ ล้นตลาดลงบ้าง ทั้งนี้ยังคาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังบริเวณคุชชิ่งน่าจะเริ่มปรับลดลง
+ ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านคาดว่าจะปรับลดลง 30 % ในเดือน ต.ค. เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 719,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับ 966,800 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ย. ทั้งนี้เนื่องจากการนำเข้าของจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ที่ลดลง
- ตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ แม้จะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดที่ 3.7% ในเดือน ก.ย. แต่หากไม่รวมตัวเลขภาคการขนส่งจะเห็นว่าตัวเลขปรับลดลงต่อเนื่อง 0.1% สวนทางกับความคาดหมายว่าจะปรับเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยังคงไม่ดีนัก
- ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง เนื่องจากโรงกลั่น Grangemouth ในสก็อตแลนด์ ที่มีกำลังผลิต 210,000 บาร์เรลต่อวัน เตรียมกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ระบบไฟฟ้าที่โรงกลั่นส่งให้แก่ท่อและแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในแถบทะเลเหนือกลับมาดำเนินการได้ตามปกติและไม่ส่งผลต่อการผลิตน้ำมันดิบในแถบดังกล่าว
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอินโดนีเซียนำเข้าเพิ่มขึ้นเพราะอุปทานในประเทศตึงตัวหลังมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในช่วงที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานน้ำมันดีเซลจากตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดในเอเซียยังคงมีแรงซื้อจากซาอุฯ อินโดนีเซีย และศรีลังกาเข้ามาบ้างในช่วงนี้
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 95-101 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 106-112 เหรียญฯ โดยสัปดาห์นี้จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 - 30 ต.ค. และการประกาศตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ในวันนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันจันทร์: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดสัญญาซื้อขายบ้านรอปิดการขายสหรัฐฯ และผลสำรวจภาคอุตสาหกรรมรัฐดัลลัส
วันอังคาร: ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก และความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
วันพุธ: ดัชนีราคาผู้บริโภค และการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ รวมถึงความรู้สึกผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจยูโรโซน
วันพฤหัสบดี: ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของเมืองชิคาโก และยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ
วันศุกร์: ยอดขายรถ ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ (ISM/ PMI) และจีน (Official/ HSBC)
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- จับตาท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อการชะลอมาตรการ QE จากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 - 30 ต.ค. นี้ หลังหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าภาวะ Government Shutdown ในช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสนี้
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบในประเทศลดลงเนื่องจากโรงกลั่นอยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ดี ความต้องการใช้น้ำมันดิบองสหรัฐฯ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังโรงกลั่นหลายแห่งจะเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
ข่าวเด่น