นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ – นายสุเทพ ในข้อหาพยายามฆ่า ร่วมกันฆ่านั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้สึกแปลกใจและนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นต่อเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากเรื่องนี้มีการวางลำดับขั้นตอนรับลูกการทำงานกันอย่างเป็นระบบตั้งแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ขะมักเขม้นทำเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ที่มีการเปลี่ยนรัฐบาลกรมสอบสวนคดีพิเศษก็ดูเหมือนจะมีการทำงานในเรื่องดังกล่าวอยู่เพียงเรื่องเดียว และการที่รัฐบาลนั้นมีความต้องการที่จะกดดันนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพให้รับกระบวนการนิรโทษกรรมซึ่งจะล้างผิดแบบเหมาเข่งนั้นก็ยิ่งไม่เป็นที่แปลกใจที่อัยการสูงสุดต้องมีคำสั่งออกมาในลักษณะนี้
ดังนั้นทั้ง 2 ท่านจะเดินหน้าต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา และขอฝากเตือนไปยังอัยการสูงสุดว่า เมื่อท่านได้มีคำสั่งแล้ว ท่านก็ต้องรับผิดชอบการกระทำดังกล่าวเนื่องจากการที่ทั้ง 2 ท่านปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐชัดเจน แต่อัยการกลับวินิจฉัยว่าอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนเป็นของกรมสอบสวนคดีพิเศษมากกว่าการตรวจสอบของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และยังอ้างว่าไม่ใช่ความผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการนั้น ตนเห็นว่าเป็นคำวินิจฉัยที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งแต่ก็ไม่แปลกใจเพราะวันนี้สังคมไทย ราชการไทยภายใต้ระบอบทักษิณนั้นได้ทำลายระบบนิติรัฐ และนิติธรรมของประเทศลงอย่างชัดเจน เมื่ออัยการกล้ามีคำสั่งก็ต้องรับผิดชอบหากมีการร้องเรียนว่าเป็นการกระทำที่มิชอบ หรือการใช้อำนาจเกินขอบเขต
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าทั้ง 2 ท่านพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อเข้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ หากทำผิดก็ต้องรับโทษ เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปกระทำเช่นนี้อีก ขอเพียงอย่างเดียวว่า รัฐบาลอย่ามาออกกฎหมายล้างผิดให้กับพวกตนเพราะทั้ง 2 ท่านยืนยันจะไม่รับกฎหมายนิรโทษกรรมทุกรูปแบบ และอย่าหวังจะใช้กรณีอย่างนี้มากดดันให้พรรคประชาธิปัตย์ยอมรับการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง
"เรายืนยันที่จะต่อต้านกฎหมายดังกล่าวอย่างเต็มที่ทั้งในและนอกสภาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และฝากบอกไปยังคนเสื้อแดงด้วยว่า เมื่ออัยการสูงสุดสั่งฟ้อง 2 ท่านนี้แล้วความจริงจะได้ปรากฎ อย่าปล่อยให้รัฐบาลและ “น ป โชว์” เล่นละครตบตาจูงจมูกพี่น้องอีกเลย ร่วมกันออกมาต่อต้านกฎหมายฉบับนี้เพื่อให้ทุกคน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเพื่อให้ความจริงปรากฎ"
ข่าวเด่น