เวสต์เท็กซัสส่งมอบ ธ.ค.ปรับลดลง 0.39 เหรียญฯ ปิดที่ 96.38 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบ ธ.ค. ปรับลดลง 1.02 เหรียญฯ ปิดที่ 108.84 เหรียญฯ

 

- น้ำมันดิบเบรนปรับตัวลดลงมากกว่า 1เหรียญฯ เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไรหลังจากส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันดิบเบรนท์และเวสเท็กซัสปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสูดในรอบ 6 เดือน ที่ 13.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

+/- มีการรายงานว่าอิสราเอลเข้าโจมตีทางอากาศในซีเรีย โดยเป้าหมายการโจมตีอยู่ที่เมือง Ain Shikak ซึ่งเป็นแหล่งที่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาส ใช้เป็นฐานเก็บมิสไซส์ ซึ่งเป็นอาวุธที่มีกำลังรุนแรงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในขณะนี้

 

-/+ ในขณะที่น้ำมันดิบเวสเท็กซัสปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าปริมาณอุปสงค์น้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ภายหลังสิ้นสุดฤดูกาลการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ โดยเบื้องต้นคาดว่าโรงกลั่นกำลังการผลิตรวมประมาณ 700,000 บาร์เรลต่อวัน จะสามารถกลับมาดำเนินการได้ในช่วงกลางเดือน พ.ย. นี้  ซึ่งการกลับมาดำเนินการดังกล่าวจะสามารถลดความกังวลในประเด็นของการปรับตัวเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง

 

+ นอกจากนั้น มีการคาดการณ์ว่าท่อส่งน้ำมันดิบ Keystone ทางฝั่งตอนใต้เชื่อมต่อแคนาดา จะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนหน้า ซึ่งจะช่วยระบายปริมาณน้ำมันดิบคงคลังบริเวณ คุชชิ่ง โอกลาโฮมา

 

- ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ต.ค. 56 ปรับลดลง 10,0000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 340,000 ราย ต่ำกว่าการคาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 15,000 ราย 

 

+ อย่างไรก็ตาม ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของเมืองชิคาโก ปรับเพิ่มขึ้น 10.2 จุด มาอยู่ ณ ระดับสูงสุดในรอบ 30 เดือน ที่ 65.9  ภายหลังคำสั่งซื้อสินค้าเพื่อการผลิตมีการปรับตัวมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี ประกอบกับภาคอุตสาหกรรมเริ่มคลายความกังวลต่อประเด็นปัญหา Government Shutdown

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณความต้องการน้ำมันเบนซินประเภทออกเทนต่ำอยู่ในสภาวะเบาบาง อย่างไรก็ตามความต้องการน้ำมันเบนซินประเภทออกเทนสูงยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผู้ซื้อในแถบตะวันออกกลางและเวียดนาม 

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ อุปทานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการกลับมาดำเนินการของโรงกลั่นในญี่ปุ่น ภายหลังจากมีการปิดซ่อมบำรุงเป็นระยะเวลาสามสัปดาห์ ประกอบกับอุปทานจากไต้หวันก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง

 

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 95-101 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 106-112 เหรียญฯ คืนนี้ติดตามยอดขายรถสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ (ISM/ PMI) และจีน (Official/ HSBC)

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่

วันพฤหัสบดี: ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของเมืองชิคาโก และยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ

วันศุกร์: ยอดขายรถ ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ (ISM/ PMI) และจีน (Official/ HSBC)

วันจันทร์: ยอดคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานสหรัฐฯ รวมไปถึงดัชนีภาคการผลิตสหภาพยุโรปและเยอรมนี

วันอังคาร: ดัชนีภาคการผลิต(ISM)สหรัฐฯ ดัชนีภาคการบริการจีน และดัชนีราคาผู้ผลิตสหภาพยุโรป

วันพุธ: ดัชนีภาคบริการ และยอดค้าปลีกสหภาพยุโรป รวมไปถึงดัชนีภาคการบริการ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเยอรมนี

วันพฤหัสบดี: ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ รวมไปถึงจีดีพีไตรมาส 3/2556สหรัฐฯ และการบริโภคภาคเอกชนจีน

วันศุกร์: ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ดุลการค้าจีนและสหภาพยุโรป

 

- จับตาปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากลิเบีย โดยล่าสุดท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบ และหลุมน้ำมันดิบสำคัญของลิเบีย คาดว่าจะสามารถเริ่มกลับมาดำเนินการได้ภายในสัปดาห์นี้

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯซึ่งปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะเวลา 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี อันเป็นผลมาจากโรงกลั่นอยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุงก่อนเข้าฤดูหนาวและปริมาณการผลิตน้ำมันจากหินดินดาน (Tight Oil) ที่เพิ่มขึ้น

- ติดตามจีดีพีไตรมาส 3/2556 สหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศวันที่ 7 พ.ย.นี้ ซึ่งถือว่าล่าช้าไป 8  วัน ภายหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 

- ผลการประชุมธนาคารกลางสหภาพยุโรป ว่าจะมีมุมมองต่อภาพรวม และนโยบายทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับต่ำที่ 0.5 %