"อุปทานตึงตัวในลิเบียและความล้มเหลวของการเจรจานิวเคลียร์อิหร่าน หนุนราคาน้ำมัน"
เวสต์เท็กซัสส่งมอบ ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.40 เหรียญฯ ปิดที่ 94.60 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบ ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.66 เหรียญฯ ปิดที่ 105.12 เหรียญฯ
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากตลาดยังคงกังวลกับภาวะอุปทานตึงตัวในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ หลังล่าสุดกลุ่มผู้ประท้วงในลิเบียขัดขวางไม่ให้มีการขนส่งน้ำมันดิบปริมาณ 600,000 บาร์เรล จากท่าเรือตะวันออก Hariga เพื่อส่งออกไปยังอิตาลี ขณะที่ในเมืองทริโปลียังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มทหารหัวรุนแรงและทหารของรัฐบาลเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์อีกด้วย
+ การเจรจาระหว่างชาติมหาอำนาจตะวันตกและอิหร่านเพื่อหาข้อสรุปเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์เมื่อวันที่ 7 - 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ล้มเหลวแต่ยังคาดว่าจะมีการเปิดการเจรจาอีกครั้งในวันที่ 20 พ.ย. นี้ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกมาแสดงความเห็นว่าการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านในขณะที่ยังเปิดโอกาสให้อิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียมต่อไปจะไม่เป็นผลดีต่อนานาประเทศและอิสราเอลจะขัดขวางจนถึงที่สุด
+/- กำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมารับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9.75 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับ 10.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้อาจเพราะซาอุฯ มองว่ากำลังผลิตของบางประเทศในกลุ่มโอเปกเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น
+/- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 204,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี อัตราการว่างงานเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.3% จากระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีเมื่อเดือน ก.ย. ที่ 7.2%
- การใช้จ่ายผู้บริโภคเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% หลังชาวอเมริกันมีการใช้จ่ายอย่างประหยัดมากขึ้น โดยการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เน้นไปที่ภาคของการบริการมากกว่าการใช้จ่ายสินค้าคงทน
- นอกจากนี้ ตัวเลขเบื้องต้นของความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 72 ต่ำกว่าคาดที่ 75.2 และต่ำกว่าตัวเลขของเดือน ต.ค. ที่ 73.2
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอินโดนีเซียคาดว่าจะมีการนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นในเดือน ธ.ค.
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานน้ำมันดีเซลที่คาดว่าจะลดลงเนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในอินเดีย
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 93-100 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 100-106 เหรียญฯ จับตาการประชุมรัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรปและจีดีพีไตรมาส 3/56 สหภาพยุโรปในสัปดาห์นี้ พร้อมติดตามดัชนีราคาผู้บริโภคและการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่จะประกาศในวันนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันจันทร์: ดัชนีราคาผู้บริโภคจีน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน (ตลาดสหรัฐฯ ปิดเนื่องในวันหยุดวันที่ระลึกทหารผ่านศึก)
วันอังคาร: ดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนี
วันพุธ: การผลิตภาคอุตสาหกรรมสหภาพยุโรป
วันพฤหัสบดี: ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน และดุลการค้าต่างประเทศของสหรัฐฯ รวมถึงจีดีพีไตรมาส 3/56 ของสหภาพยุโรป
วันศุกร์: การผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ และผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ค รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคสหภาพยุโรป
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าน่าจะปรับเพิ่มขึ้นน้อยลงหรือปรับลดลงเล็กน้อย หลังโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐฯ มีกำหนดเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงในช่วงกลางเดือนนี้
- ติดตามจีดีพีไตรมาส 3/2556 ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะประกาศวันที่ 14 พ.ย.นี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่าจีดีพีน่าจะยังคงขยายตัว หลังตวเลขในไตรมาสที่ผ่านมาออกมาค่อนข้างดี
- การประชุมรัฐมนตรีการคลังสหภาพยุโรปที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งจะมีการหารือถึงแผนงบประมาณปี 2557 ของสหภาพยุโรป
- รายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน พ.ย. โดยโอเปกในวันที่ 12 พ.ย. สำนักสารสนเทศด้านงานพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ในวันที่ 13 พ.ย. และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ในวันที่ 14 พ.ย.
- จับตาปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากลิเบีย โดยล่าสุดท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบ และหลุมน้ำมันดิบสำคัญของลิเบีย คาดว่าจะสามารถเริ่มกลับมาดำเนินการได้ภายในสัปดาห์นี้
ข่าวเด่น