ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
'อดุลย์'แถลงขั้นตอนคุมม็อบมีแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง/ยังไม่ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน


 

 

ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.(มค2) แถลงข่าวถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า ขณะนี้มีการปล่อยข่าวลือว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอาวุธร้ายแรง หรือจะสลายการชุมนุม  ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และเจ้าหน้าที่ทุกคนจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อปกป้องสถานที่บริหารราชการแผ่นดินภายในกรุงเทพฯ
         
มื่อถามว่า จะมีการออก พ.รก.ฉุกเฉินหรือไม่หากสถานการณ์บานปลาย พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี
        
ด้านพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  แถลงชี้แจงถึงอุปกรณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ว่า  เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีอาวุธร้ายแรงแน่นอน มีเพียงอุปกรณ์ประจำกาย ประกอบด้วยหมวกกันน็อก เสื้อกันกระสุนชนิดป้องกันปืนสั้น เสื้อกันสะเก็ด กระบองยาง โล่ใสป้องกันการกระแทก หน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตา และอุปกรณ์ระงับยับยั้งเหตุ ประกอบด้วยแก๊สน้ำตาชนิดขว้าง นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาและเป็นไปตามหลักของสหประชาชาติ  ซึ่งสามารถใช้กับปืนยิงแก๊สน้ำตาได้ แก๊สน้ำตาชนิดผสมน้ำเพื่อใช้กับรถฉีดน้ำขณะนี้ประจำอยู่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ปืนยิงกระสุนยางซึ่งมีศักยภาพเพียงให้บาดเจ็บเป็นรอยแดงเท่านั้น

 พล.ต.อ.อดุลย์ ระบุว่า อุปกรณ์ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมฝูงชนตามหลักสากล  แต่จะไม่ทำร้ายผู้ชุมนุมจนถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ และตามหลักสากลแก๊สน้ำตาถือเป็นขั้นตอนระงับเหตุ ที่เบากว่าการใช้กระบอง  ขั้นตอนการควบคุมฝูงชนจะเริ่มจากมาตรการเบาไปหาหนัก หากพบว่าฝูงชนพยายามจะฝ่าเข้ามาในพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตั้งแต่แยก จ.ป.ร.จนถึงลานพระบรมรูป

ผบ.ตร. ยังได้กล่าวถึง เหตุต้องแถลงข่าวขั้นตอนการดูแลการชุมนุม  เนื่องจากการข่าวพบว่า มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีออกมาสร้างสถานการณ์ทำร้ายผู้ชุมนุม ทั้งที่ใช้อาวุธปืน และปาระเบิด ทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความโกรธแค้น ซึ่งพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ สุดท้ายอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงได้


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 พ.ย. 2556 เวลา : 13:48:26

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:31 am