ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้น 85.48 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 15,961.70 จุด ทุบสถิติระดับสูงสุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 7.56 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 1,798.18 จุด แตะระดับสูงสุดระดับใหม่เช่นกัน และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 13.23 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 3,985.97 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับบวก ได้รับแรงหนุนหลังจาก นางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐว่า การผ่อนคลายทางการเงินในปัจจุบันควรดำเนินต่อไปในขณะนี้ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าว ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเฟดจะยังเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป
ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 0.4% จากเดือนส.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.8% ส่วนยอดค้าส่งดีดตัวขึ้น 0.6% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งรวมการผลิตที่โรงงาน เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค ลดลง 0.1% ในเดือนต.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย.
ด้านสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ ปิดที่ 93.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่ 108.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข่าวเด่น