"แนวโน้มการใช้น้ำมันในจีนที่เพิ่มขึ้น หนุนราคาเบรนท์"
เวสต์เท็กซัสส่งมอบ ม.ค. ปรับลดลง 0.60เหรียญฯ ปิดที่ 94.84 เหรียญฯ และเบรนท์ส่งมอบ ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.97เหรียญฯ ปิดที่ 111.05 เหรียญฯ
+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทน้ำมันของรัฐบาลจีน (Sinopec) ว่าความต้องการใช้น้ำมันของจีนมีแนวโน้มจะขยายตัวประมาณ 3.8% ต่อปีในช่วงปี 2014 และปี 2015 โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันในภาคขนส่งเป็นหลัก
- เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดน้ำมันจับตาผลการประชุมเพื่อแก้วิกฤติปัญหานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก 6 ชาติที่กรุงเจนีวา โดยตลาดคาดว่าการเจรจาใกล้ที่จะได้ข้อตกลง ซึ่งอาจส่งผลให้อิหร่านสามารถออกมาขายน้ำมันดิบในตลาดโลกได้เพิ่มมากขึ้นทำให้อุปทานน้ำมันดิบของตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอีก ส่งผลให้ระหว่างช่วงการซื้อขายราคาน้ำมันดิบค่อนข้างผันผวน
- โดยล่าสุดในช่วงสุดสัปดาห์อิหร่านและชาติพันธมิตรทั้ง 6 ประเทศ ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกรณีโครงการพัฒนานิวเคลียร์แล้ว โดยอิหร่านจะจำกัดการพัฒนานิวเคลียร์ แลกเปลี่ยนกับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากนานาชาตินาน 6 เดือน นอกจากนี้ ข้อตกลงดังกล่าวยังทำให้อิหร่านได้รับงบประมาณช่วยเหลือราว 4 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 แสน 3 หมื่นล้านบาท รวมถึงได้รับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรสินค้า เช่น ทองคำ ปิโตรเคมี รถยนต์ เป็นต้น
- สำหรับราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ยังถูกกดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังโดยเฉพาะที่บริเวณคุชชิ่งโอกลาโฮม่า (จุดส่งมอบน้ำมันดิบ WTI) ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความเสี่ยงในการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ 2 แห่งในยุโรปและสหรัฐฯเมื่อต้นและกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้คาดว่าอุปทานน้ำมันเบนซินใน 2 ตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะตึงตัวมากขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลงกว่า 1.64 ล้านบาร์เรล หรือประมาณ 17% รวมทั้งข่าวในตลาดซื้อขายน้ำมันว่าโรงกลั่นน้ำมันบางแห่งในสิงคโปร์อาจมีปัญหาเนื่องจากมีแรงซื้อเข้ามาในตลาด
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 93-100 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 106 -112 เหรียญฯ ติดตามผลตอบรับของตลาดน้ำมันจากการที่ชาติตะวันตกสามารถบรรลุข้อตกลงประเด็นนิวเคลียร์อิหร่านได้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งตัวเลขยอดขายบ้านรอปิดการขายในสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันจันทร์: ยอดขายบ้านรอปิดการขายสหรัฐฯ
วันอังคาร: ยอดขายบ้านใหม่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
วันพุธ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน และความรู้สึกผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของเมืองชิคาโก
วันพฤหัส: ตลาดสหรัฐฯ ปิดเนื่องในวันหยุดวันขอบคุณพระเจ้า
วันศุกร์: ตัวเลขการว่างงาน และความรู้สึกผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหภาพยุโรป
วันอาทิตย์: ดัชนีภาคการผลิตจีน (Official)
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง หลังโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น เพื่อเตรียมเดินเครื่องผลิตน้ำมันเต็มที่เพื่อรองรับความต้องการใช้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
- การกลับมาผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียจะกลับมาได้มากและรวดเร็วเพียงใด หลังล่าสุดการประท้วงปิดท่าเรือที่ทำให้การส่งออกลดลงต่ำกว่าระดับ 80,000 บาร์เรลต่อวัน สิ้นสุดลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ความไม่แน่นอนของแผนการลดทอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (QE4) คาดว่าจะยังคงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในระยะสั้น โดยตลาดยังคงเฝ้าจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค.
ข่าวเด่น