"น้ำมันดิบปรับลด คาดอุปทานน้ำมันอิหร่านต้องใช้เวลา"
เวสต์เท็กซัสส่งมอบ ม.ค. ปรับลดลง 0.75 เหรียญฯ ปิดที่ 94.09 เหรียญฯ และเบรนท์ส่งมอบ ม.ค. ปรับลดลง 0.05 เหรียญฯ ปิดที่ 111.00 เหรียญฯ
- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง ภายหลังจากอิหร่านและชาติพันธมิตรทั้ง 6 ประเทศ ได้บรรลุข้อตกลงว่าด้วยการควบคุมการสะสมแร่ยูเรเนียมของอิหร่าน เพื่อแลกกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรเป็นเวลา 6 เดือน รวมไปถึงได้รับงบประมาณช่วยเหลืออีกด้วย อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบมิได้ปรับลดลงมากนัก เนื่องจากตลาดมองว่าการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวถือว่ายังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้น ซึ่งคาดว่าอุปทานน้ำมันจากอิหร่านจะยังไม่กลับมาสู่ตลาดในช่วงสั้น โดยปัจจุบันอิหร่านผลิตน้ำมันได้เป็นอันดับ 6 ในกลุ่มโอเปก ที่กำลังการผลิต 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตกลงจากอันดับ 2 ที่กำลังการผลิตประมาณ 3.0 ล้านบาร์เรลต่อวันก่อนนานาๆชาติดำเนินมาตรการคว่ำบาตร
- ราคาน้ำมันเบนซินที่ตลาดสหรัฐฯปรับลดลง กดดันให้ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลงตาม หลังจากโรงกลั่น Phillips 66 ณ Linday, New Jersey ที่มีกำลังการกลั่น 0.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน ได้กลับมาจากการดำเนินการได้ตามปกติ หลังจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของหน่วยผลิตน้ำมันเบนซิน
+ ปัญหาความรุนแรงในลิเบียที่ยังยืดเยื้อ โดยล่าสุดได้มีเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างทหารลิเบียและทหารอิสลามบริเวณเมืองฝั่งตะวันออกของเบนกาซี ภายหลังจากเหตุการณ์ความรุงแรงและการประท้วงต่อเนื่องในลิเบียทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของลิเบียปรับลดลงมากกว่า 70% ของกำลังการผลิตในช่วงต้นปี
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันจากศรีลังกา โดยตลาดจับตาปริมาณการนำเข้าของอินโดนีเซียในปีหน้า
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงกลั่นในอินเดีย และการปิดซ่อมกะทันหันของโรงกลั่นในจีน ทำให้คาดว่าจะมีความต้องการนำเข้าน้ำมันในภูมิภาคจะมีมากขึ้น
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 93-100 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 106 -112 เหรียญฯ ติดตามผลตอบรับของตลาดน้ำมันจากการที่ชาติตะวันตกสามารถบรรลุข้อตกลงประเด็นนิวเคลียร์อิหร่านได้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันอังคาร: ยอดขายบ้านใหม่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
วันพุธ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน และความรู้สึกผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของเมืองชิคาโก
วันพฤหัส: ตลาดสหรัฐฯ ปิดเนื่องในวันหยุดวันขอบคุณพระเจ้า
วันศุกร์: ตัวเลขการว่างงาน และความรู้สึกผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจสหภาพยุโรป
วันอาทิตย์: ดัชนีภาคการผลิตจีน (Official)
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง หลังโรงกลั่นหลายแห่งในสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น เพื่อเตรียมเดินเครื่องผลิตน้ำมันเต็มที่เพื่อรองรับความต้องการใช้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
- การกลับมาผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียจะกลับมาได้มากและรวดเร็วเพียงใด หลังล่าสุดการประท้วงปิดท่าเรือที่ทำให้การส่งออกลดลงต่ำกว่าระดับ 80,000 บาร์เรลต่อวัน สิ้นสุดลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ความไม่แน่นอนของแผนการลดทอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (QE4) คาดว่าจะยังคงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในระยะสั้น โดยตลาดยังคงเฝ้าจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค.
ข่าวเด่น