ที่รัฐสภา วันนี้ (27 พ.ย.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าปิดล้อมศาลากลางในจังหวัดต่าง ๆ ว่า ได้รับรายงานว่ามีศาลากลาง 4 จังหวัดที่ถูกปิดล้อมคือ ตรัง ชุมพร สงขลา สตูล ซึ่งขณะนี้ได้ทำหนังสือเวียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดว่าศาลากลาง ถือเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางบริหารงาน เป็นที่บริการประชาชน หากผู้ชุมนุมทำให้ศาลากลางไม่สามารถให้บริการประชาชนได้ เท่ากับเป็นการทำร้ายประชาชน อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สามารถ ใช้ พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ในทันที เพราะถือเป็นภัยพิบัติชนิดหนึ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ส่วนในกทม.ยังใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงได้อยู่
"จังหวัดที่ยังไม่มีการชุมนุมมี 51 จังหวัด จังหวัดที่มีการชุมนุมเขตพื้นที่ศาลากลางแต่ไม่เข้าไปในพื้นที่ศาลากลาง 25 แห่ง ในจำนวนนี้ มีจังหวัดที่มีมวลชนไม่ถึง 200 คน 11 จังหวัด มีมวลชน 200-1,000 คน 10 จังหวัด มีมวลชนเกิน 1,000 คน 4 จังหวัด คือ จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตรัง และสงขลา "
ทั้งนี้ หนังสือเวียนที่ รมว.มหาดไทยส่งถึง ผวจ.ทุกจังหวัด นายจารุพงศ์ ได้นำมาเปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวเผยแพร่ ข้อมีความว่า " เรียน ผวจ.ทุกจังหวัด หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาปิดล้อมศาลากลาง ให้ ผวจ.ต้องรักษาสถานที่ราชการเพราะเป็นที่ให้บริการประชาชนและเป็นที่ทำงานของท่านเอง มิฉะนั้นท่านจะไม่มีสถานที่ทำงานเพื่อให้บริการประชาชน ศาลากลางจังหวัดคือสัญลักษณ์ในการบริหารแผ่นดิน ท่านต้องปกป้องไว้จนสุดความสามารถ ให้ท่านชี้แจงและขอร้องว่าถ้ากระทำจะมีความผิดตามกฎหมายอาญา ม115 ม116 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน7ปี "
เมื่อถามถึงกรณีว่าจะมีการคาดโทษผู้ว่าฯ ที่ปล่อยให้ผู้ชุมนุมเข้าไปยึดศาลากลางจังหวัดหรือไม่ นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ผู้ว่าฯทุกคนทำงานเต็มที่เต็มความสามารถแล้ว ใช้กุศโลบายกับผู้ชุมนุมอย่างกรณี นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าฯสงขลา ที่ออกไปพบผู้ชุมนุมเป็นพันคนเพียงคนเดียว โดยเมื่อผู้ชุมนุมจะบุกเข้า แต่ท่านเจรจาให้เข้าไปแค่สนามหน้าศาลากลาง โดยท่านพาผู้ชุมนุมเข้าไปด้วยตัวเอง แต่กลับถูกโพสต์ภาพออกมาในทางลบ แต่ตนยกย่องว่ากล้าหาญและเป็นการกระทำที่เหมาะสมแล้ว
ข่าวเด่น