ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บมจ.ไทยออยล์ มองตัวเลขอุตฯจีน-สหรัฐหนุนราคาน้ำมัน


 

 

"ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนและสหรัฐฯที่ออกมาดี หนุนราคาน้ำมันดิบ"

เบรนท์ส่งมอบ ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.76 เหรียญฯ ปิดที่ 111.45 เหรียญฯ ขณะที่เวสต์เท็กซัสเดือน ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1.10 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 93.82 เหรียญฯ 
 
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น  โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง มาอยู่ที่ 57.3 จุด ซึ่งได้รับแรงหนุนจากทั้งยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ รวมทั้งการจ้างงาน (โดยตัวเลขที่มากกว่า 50 จุด แสดงถึงการขยายตัว)
 
+ ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนประจำเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้นดีกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ มาอยู่ที่ 51.4 จุด (โดยตัวเลขที่มากกว่า 50 จุด แสดงถึงการขยายตัว) รวมทั้งตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของกลุ่มสหภาพยุโรปประจำเดือนพ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นดีกว่าคาดและถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี มาอยู่ที่ 51.6 จุด เทียบกับ 51.3 จุดในเดือนก่อนหน้า  
 
+ นอกจากนี้ข่าวที่ว่ารัสเซียจะลดปริมาณส่งออกน้ำมันดิบออกสู่ตลาดจร (Spot Market)ในเดือนธ.ค. หลังรัฐบาลรัสเซียตัดสินนำน้ำมันดิบดังกล่าวขายให้กับประเทศเบลารุสแทนหลังความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศเรื่องราคาโปแตสคลี่คลาย จากการตัดสินใจดังกล่าวของรัสเซียส่งผลให้นักค้าน้ำมันมองว่าอุปทานน้ำมันดิบที่ออกมาขายในตลาดจรค่อนข้างตึงตัว และหนุนราคาน้ำมันดิบโดยเฉพาะน้ำมันดิบเบรนท์ให้ปรับตัวสูงขึ้น
 
+ รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่ามีความเป็นไปได้ที่การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบ (OPEC) ในวันที่ 4 ธ.ค. ที่จะถึงนี้มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจคงโควต้ากำลังการผลิตรวมของกลุ่มไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังเหตุความไม่สงบในอิรัก ลิเบีย ไนจีเรีย รวมถึงอิหร่าน ทำให้การผลิตน้ำมันดิบในประเทศดังกล่าวต่ำกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ยังมองว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ระดับประมาณ 110 เหรียญฯเป็นระดับที่เหมาะสม
 
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังมีข่าวในตลาดน้ำมันว่าผู้นำเข้าหลักภายในภูมิภาคอย่างอินโดนีเซียกำลังเจรจากับผู้ขายน้ำมันเบนซินถึงปริมาณนำเข้าน้ำมันเบนซินในช่วงครึ่งเดือนแรกของธ.ค.
 
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยราคาได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันดีเซลที่ค่อนข้างตึงตัวในสิงคโปร์และประเทศแถบเอเชียเหนือ รวมทั้งความต้องการนำเข้าที่มีอย่างต่อเนื่องจากอินโดนีเซีย ฮ่องกง และออสเตรเลีย
 
ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 90-98 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 106 -112 เหรียญฯ ติดตามการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปกในวันที่ 4 ธ.ค. และการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 5 ธ.ค. นี้ รวมถึงจับตาตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ 
 
 ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
วันอังคาร: -
วันพุธ: ดัชนีภาคการบริการสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีน การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ รวมไปถึงยอดค้าปลีกและจีดีพี 3/2556 (Revised) สหภาพยุโรป
วันพฤหัส: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงาน และจีดีพีไตรมาส 3/2556 (Prelim) ของสหรัฐฯ 
วันศุกร์: ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ
 
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- การประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปกในวันที่ 4 ธ.ค. นี้ คาดว่าที่ประชุมจะมีการหารือถึงผลกระทบของปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ รวมถึงน้ำมันดิบของอิหร่านที่กำลังจะกลับมาในตลาดอีกครั้งหลังการเจรจานิวเคลียร์สิ้นสุดลง
- การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 5 ธ.ค. นี้ ว่าจะมีมุมมองต่อภาพรวมและนโยบายทางเศรษฐกิจยุโรปอย่างไร ภายหลังจากธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลงแตะระดับต่ำที่ 0.25%
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นลดลง หลังโรงกลั่นหลายแห่งเริ่มกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง รวมถึง ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงมากกว่าคาดจนส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นมาก
- เหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบียที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุดลง และทำให้การผลิตน้ำมันดิบลิเบียลดลงต่อเนื่องจาก 450,000 ในเดือน ต.ค.มาอยู่ที่ 250,000 ในเดือน พ.ย. ล่าสุดประธานาธิบดีลิเบียแถลงว่าการที่ประเทศไม่สามารถส่งออกน้ำมันได้ตามปกติทำให้รายได้ของประเทศหายไปแล้วกว่า 20% 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 ธ.ค. 2556 เวลา : 11:21:43

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:02 am