นพ.วรงค์ ชี้ ป.ป.ช. สรุป จีทูจีเก๊ มัด ยิ่งลักษณ์ ทุจริตจำนำข้าว ไร้ความชอบธรรมบริหารชาติ บี้ ป.ป.ช. กำหนดเส้นตายไต่สวนให้จบโดยเร็ว ยับยั้งความเสียหายชาติ แฉตัวเลขจีทูจี ระบายไป 8.3 ล้านตัน เป็นเงิน 2.37 แสนล้าน ขณะที่ รายได้รวมทั้งขายข้าวถุง -หน่วยงานรัฐ มีแค่ 1.3 แสนล้าน
นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการทุจริตในโครงการจำนำข้าวจากการอ้างว่าระบายข้าวด้วยวิธีจีทูจี ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ได้ชี้แล้วว่าการระบายข้าวจีทูจีไม่มีจริง ยิ่งตอกย้ำความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลที่ใช้อำนาจรัฐมาทุจริตจึงหมดเวลาแล้วสำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์และขอเรียกร้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ว่า โครงการรับจำนำข้าวสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมข้าว และเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างรุนแรง จึงขอให้ ป.ป.ช.กำหนดเวลาที่แน่นอนในการไต่สวนให้เสร็จสิ้น ไม่เช่นนั้นจะล่าช้าทำให้ประเทศชาติเสียหายมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลมีการแถลงตัวเลขการระบายข้าวแบบจีทูจีว่าอยู่ที่ 8.3 ล้านตัน เมื่อนำมาคูณกับต้นทุนค่าใช้จ่ายของรัฐบาลที่ 2.86 หมื่นบาทต่อตัน เท่ากับเป็นเงินถึง 237,030 ล้านบาท โดยรัฐบาลไม่ได้แยกแยะให้ชัดเจนว่ามีรายได้จากการระบายข้าวจากจีทูจีที่อ้างถึงเป็นจำนวนเงินเท่าใด แต่มีมีการแถลงภาพรวมทั้งหมดจากการระบายข้าวได้แค่แสนสามหมื่นกว่าล้านเท่านั้น ส่วนที่หายไปแสนล้านคือเงินที่รั่วไหลไปกับการทุจริตทั้งสิ้นซึ่งในส่วนนี้ยังไม่รวมกับที่รัฐบาลต้องขาดทุนไปกับการระบายข้าวในวิธีการอื่นไม่ว่าจะเป็น ข้าวถุง หรือการขายให้หน่วยงานรัฐในราคาถูก
นายแพทย์วรงค์ ยังแจกแจงตัวเลขที่รัฐบาลเคยแถลงเกี่ยวกับการระบายข้าวแบบจีทูจีให้เห็นภาพชัดเจนว่ามีการจงใจทุจริตดังนี้ คือมีการอ้างตัวเลขการระบายข้าวจีทูจีในปีที่ผ่านมาสูงถึง 4.8 ล้านตัน แต่ข้าวที่ส่งออกอย่างเป็นทางการมีแค่ 3.7 ล้านตันแสดงให้เห็นว่าส่วนต่างที่หายไปเป็นเรื่องของการขายเวียนเทียยนขายภายในประเทศ และตัวเลขอย่างเป็นทางการของรัฐบาลได้อ้างตัวเลขการระบายข้าวแบบจีทูจี ณ เดือนกันยายนไว้ที่ 8.3 ล้านตัน จึงขอให้สื่อมวลชนได้คิดว่าจะมีการทุจริตมากแค่ไหน เมื่อเทียบกับการระบายข้าวในรูปแบบอื่น 7.24 แสนตัน โดยขายกับหน่วยงานราชการ 6.28 แสนตัน ซึ่งในนี้รวมถึงการทุจริตข้าวถุงด้วย แสดงว่าการทุจริตของรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีความต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ทำให้ไม่มีเงินเพียงพอมาจ่ายให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว
ข่าวเด่น