วันนี้ (27 ธ.ค.)ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำ เลขที่ 745/2551 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ฟ้อง นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) กับพวก รวม 13 คน กรณีที่ คตส. มีมติให้อายัดเงินในบัญชีเงินฝากในธนาคารและสถาบันการเงิน และอายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบของ คตส. อีกทั้งมีการแถลงข่าวคำอายัดทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณ ต่อสื่อมวลชนโดยมิชอบ เป็นเหตุให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับความเสียหาย

โดยวันนี้ฝ่ายผู้ร้องมีนายอภิศักดิ์ อาภัสสมภพ ทนายความ ผู้มอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่ผู้ถูกร้องได้ส่งตัวแทนมาฟังคำตัดสินแทน
       
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร้องมีพฤติกรรมมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจครอบครัว และพวกพ้อง และทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ใน 5 คดี คือ การจัดซื้อจัดจ้างที่ดินรัชดา คดีการจัดซื้อกล้ายางพารา การจัดซื้อสายพานลำเลียงกระเป๋า หรือ การออกสลากเลขทัย 2 ตัว 3 ตัว การให้ธนาคารเอกซิม แบงค์ปล่อยกู้ให้พม่าในอัตราดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงการทุจริตในเชิงนโยบาย ซึ่งจะเห็นได้ว่าข้อมูลที่ คตส. แถลงข่าวเป็นไปตามข้อเท็จจริง หาได้ว่ามีข้อใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง การแถลงข่าวจึงไม่ได้เป็นการละเมิดต่อผู้ร้องในคดี ทั้งนี้ศาลจึงไม่มีอำนาจให้ผู้ถูกร้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 5 หมื่นล้านบาทตามคำร้องของผู้ร้อง อีกทั้ง คตส. มีอำนาจในการตรวจสอบตามประกาศคณะปฎิรูปในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2549 ศาลจึง พิจารณายกฟ้อง และไม่จำเป็นตัองพิจารณาในประเด็นอื่นต่อไป
          
ด้านนายอภิศักดิ์ ทนายความของพ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวภายหลังฟังคำสั่งศาล ระบุว่า จะหารือฝ่ายกฎหมาย เพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป