เวสต์เท็กซัสส่งมอบ ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้น 0.79 เหรียญฯ ปิดที่ 92.59 เหรียญฯ ขณะที่เบรนท์ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลดลง 0.36 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 106.39 เหรียญฯ

 

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเพิ่มขึ้นหลังจากข้อมูลของสถาบันปิโตรลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) แสดงตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์ลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล โดยส่วนทางด้านของปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังเพิ่มขึ้น 5.4 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล

 

+ ตัวเลขดัชนียอดค้าปลีกสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือน ธ.ค. แม้ว่าการซื้อรถยนต์จะลดลงก็ตามในปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขยอดขายที่ไม่รวมการขายรถยนต์เพิ่มขึ้นในเดือน ธ.ค.  0.7% 

 

- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง สาเหตุจากหลุมน้ำมัน Buzzard ซึ่งเป็นหลุมน้ำมันที่ใหญ่แห่งหนึ่งบริเวณทะเลเหนือมีการคาดว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการได้เป็นปกติอีกครั้งในเร็วๆนี้ 

 

- กำลังการผลิตน้ำมันดิบของประเทศลิเบียเพิ่มขึ้นเป็น 600,000 บาร์เรลต่อวัน หลังจากหลุมน้ำมันดิบ El Sharara กลับมาดำเนินการผลิตได้เป็นปกติ โดยสัปดาห์นี้สามารถผลิตน้ำมันดิบได้มากกว่า 300,000 บาร์เรลต่อวันซึ่งใกล้เคียงจากที่เคยผลิตได้สูงสุด 340,000 บาร์เรลต่อวัน 

 

- นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการที่กลุ่มประเทศมหาอำนาจกับประเทศอิหร่านจะมีการเจรจาตกลงกันเป็นครั้งสุดท้ายในเดือน ก.พ.นี้ หลังจากที่จะเริ่มดำเนินการการยุติโครงการนิวเคลียร์อิหร่านชั่วคราวเป็นระยะเวลา 6 เดือนโดยจะเริ่มในวันที่ 20 ม.ค.นี้ หากประเทศมหาอำนาจลดมาตรการคว่ำบาตรจะส่งผลให้อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบได้เพิ่มมากขึ้น

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ทางฝั่งเอเชียค่อนข้างคงที่ โดยมีการคาดว่าอุปสงค์ของน้ำมันเบนซินในเดือน ก.พ.จากประเทศผู้นำเข้าหลักอย่างอินโดนีเซียและเวียดนามคงที่เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. แต่อย่างไรก็ตามอุปทานปรับลดลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากโรงกลั่นปิดซ่อมบำรุง

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากการที่ในช่วงนี้ตลาดมีอุปทานที่มากพอ ประกอบกับอุปสงค์ทางเอเชียเหนือยังคงซบเซา และยังไม่มีโอกาสในการส่งออกน้ำมันดีเซลไปขายยังฝั่งยุโรป

 

 

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 90- 96 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 104-110 เหรียญฯ  ติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ และดุลการค้าสหภาพยุโรป

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามหน้าสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันพุธ:ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ และดุลการค้าสหภาพยุโรป

วันพฤหัสบดี: ดัชนีราคาผู้บริโภค  ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน และผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟียสหรัฐฯ รวมไปถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนี

วันศุกร์: การผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดขอสร้างบ้านใหม่สหรัฐฯ

 

 

- จับตาการเจรจาสันติภาพในเอธิโอเปียเพื่อหาข้อสรุปของความรุนแรงในซูดานใต้ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 2 ม.ค. หลังความรุนแรงในประเทศส่งผลให้ปริมาณการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบจากซูดานใต้ลดลงมาอยู่ที่ราว 200,000 บาร์เรลต่อวัน

- ความคืบหน้าของการเริ่มปฏิบัติข้อตกลงยุติโครงการนิวเคลียร์ชั่วคราวของอิหร่านที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ซึ่งจะมีระยะเวลา 6 เดือน หลังอิหร่านและ 6 ชาติมหาอำนาจตะวันตกมีหารือกันล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 56 ที่ผ่านมา

- ความไม่สงบในลิเบียจะส่งผลกระทบต่อการกลับมาส่งออกน้ำมันดิบของประเทศหรือไม่  หลังล่าสุดรัฐบาลลิเบียขู่จะยุติการทำธุรกรรมกับบริษัทต่างชาติที่รับซื้อน้ำมันดิบจากกลุ่มผู้ประท้วงที่ลักลอบนำน้ำมันออกขายทางเรือผ่านท่าเรือทางตะวันออก

- ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นเดือนนี้ว่าจะมีการลดทอน QE  ต่อเนื่องหรือไม่ นอกจากนั้น การประชุมครั้งนี้จะถือเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของนายเบน เบอร์นันเก้ ก่อนที่จะส่งมอบตำแหน่งให้แก่นางเจเนท เยลเลนดำรงตำแหน่งต่อไป  โดยวาระของประธานเฟดของนายเบอร์นันเก้จะสิ้นสุดลงในวันที 31 ม.ค. นี้