เบรนท์ส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.10 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 107.95 เหรียญฯ ส่วนเวสต์เท็กซัสส่งมอบ มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.87 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 98.23 เหรียญฯ

 

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีเกินคาด โดยตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ปี 56 ออกมาอยู่ที่ 3.2% มากกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยของสำนักวิจัยต่างๆที่คาดว่าจะขยายตัว 3.0% โดยการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ยังแข็งแกร่งช่วยชดเชยการใช้จ่ายภาครัฐฯที่ชะลอตัวลงได้

 

+/- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากเหตุการณ์ลอบสังหารนายซาดิค อับดุลการิม รองนายกรัฐมนตรีของประเทศลิเบียส่งผลให้ผู้ส่งออกน้ำมันยังมีความกังวลต่อความไม่สงบในประเทศ

 

+ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหภาพยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก -13.5 ในเดือน ธ.ค. มาอยู่ที่ -11.7 และดัชนีความเชื่อมันของธุรกิจค้าปลีกปรับเพิ่มขึ้นจาก -5 มาอยู่ที่ -3.4ในเดือนม.ค.  บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ 

 

- อย่างไรก็ตาม ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานของสหรัฐฯออกมาสูงกว่าที่คาด จากที่คาดไว้ 3,000 เป็น 19,000 มาอยู่ที่ 348,000 จากอากาศที่หนาวเย็นส่งผลให้การจ้างงานในภาคธุรกิจการก่อสร้างและธุรกิจการขนส่งชะลอตัวลง และยอดสัญญาซื้อขายบ้านในเดือนธ.ค.ตกลง 8.7% มาอยู่ที่ 92.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2011  

 

- นอกจากนี้ตัวเลขดัชนีภาคการผลิต (PMI Index) ของจีนปรับตัวลดลงจาก 50.5 ในเดือนธ.ค.มาอยู่ที่ 49.5 ในเดือนม.ค.เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ช้าลงสอดคล้องตัวเลขการจ้างงานที่ปรับตัวลดลงสามเดือนต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับต่ำว่า 50ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2009  โดยระดับต่ำกว่า 50 แสดงถึงการหดตัว

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนตามราคาน้ำมันดิบดูไบ แม้ว่าอุปทานในตลาดสิงค์โปร์จะเพิ่มขึ้นจากการส่งออกของน้ำมันเบนซินจากประเทศอินเดียเข้ามาในตลาดสิงค์โปร์ก็ตาม 

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่ประเทศสิงคโปร์ปรับตัวลดลงและอุปสงค์ที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังสิ้นสุดเทศกาลปีใหม่จีน

 

ไทยออยล์ไทยออยล์ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 93- 99 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 104-110 เหรียญฯ  คืนนี้ติดตามการประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ และยอดการว่างงานสหภาพยุโรป

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันพฤหัสบดี: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหภาพยุโรป รวมไปถึงดัชนีภาคการผลิตจีน (HSBC)

วันศุกร์: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ และยอดการว่างงานสหภาพยุโรป
 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามหน้าสัปดาห์หน้า ได้แก่

วันจันทร์: ดัชนีภาคการผลิต(ISM) และตัวเลขการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างสหรัฐฯ รวมไปถึง ดัชนีภาคการผลิตสหภาพยุโรป (Markit) อีกทั้งดัชนีภาคการบริการจีน 

วันอังคาร: ยอดคำสั่งซื้อสินค้าโรงงานสหรัฐฯ และดัชนีราคาผู้ผลิตจีน

วันพุธ: ดัชนีภาคการบริการสหรัฐฯ(ISM) รวมไปถึงดัชนีภาคการบริการ(Markit)  และยอดค้าปลีกสหภาพยุโรป

วันพฤหัสบดี: ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างานสหรัฐฯ 

วันศุกร์: ดัชนีภาคการบริการจีน (HSBC)

 

- จับตาการประชุมธนาคารกลางสหภาพยุโรปในวันที่ 6 ก.พ. นี้ ว่าผู้นำยุโรปจะมีมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มในปีนี้อย่างไร ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเศรษฐกิจธนาคารจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป

- จับตาปัญหาหนี้สหรัฐฯ ที่มีกำหนดชนเพดานในวันที่ 7 ก.พ. นี้ โดยล่าสุดรัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ กระตุ้นให้สภาคองเกรสสร้างความเชื่อมั่นให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังโรงกลั่นหลายแห่งต้องยุติการดำเนินการชั่วคราวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวรุนแรง 

- ความไม่สงบใน ซูดานใต้ ซีเรีย และอิรัก ยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตของประเทศ นอกจากนี้ จับตาว่าลิเบียจะกลับมาส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือฝั่งตะวันออกได้หรือไม่หลังการเจรจาระหว่างรัฐบาลและกลุ่มผู้ประท้วงมีความคืบหน้า