เวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.19 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 97.38 เหรียญฯ ขณะที่เบรนท์มอบ มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.47 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 106.25 เหรียญฯ

 

+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีรายงานจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) ว่าตัวเลขปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังของสหรัฐฯลดต่ำลง 2.4 ล้านบาร์เรลซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.6 ล้านบาร์เรล โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯลดลงกว่า 2 ล้านบาร์เรลแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 2546 อยู่ที่ 27.5 ล้านบาร์เรล เนื่องจากมีความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเพื่อทำความร้อนปริมาณมากในแถบฝั่งตะวันออกของประเทศสหรัฐฯที่เผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าปกติ 

 

+ นอกจากนี้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่บริเวณคุชชิ่งโอคลาโฮมาลดลง 1.6 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ 40.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดดำเนินการของท่อส่งน้ำมันดิบ Keystone ซึ่งเป็นท่อขนส่งน้ำมันดิบจากจุดส่งมอบน้ำมันคุชชิ่งโอกลาฮามา มายังอ่าวเม็กซิโก ทำให้มีความสามารถในการระบายน้ำมันดิบออกจากคุชชิ่งได้ดีขึ้น 

 

- อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำมันดิบจากจุดส่งมอบน้ำมันคุชชิ่งโอกลาฮามา มายังอ่าวเม็กซิโก บางส่วนถูกเก็บสำรองไว้ในโรงกลั่นเนื่องจากในภูมิภาคนั้นจะเริ่มถึงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ซึ่งโรงกลั่นเริ่มลดกำลังการผลิตเหลือ 86%  ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 2556

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ของน้ำมันเบนซินที่ยังคงทรงตัวอยู่ในภูมิภาคประกอบกับอุปทานทางฝั่งตะวันออกกลางค่อนข้างตึงตัวเนื่องจากโรงกลั่นเริ่มปิดซ่อมบำรุง

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เป็นผลมาจากอุปทานที่ตึงตัวในแถบอ่าวเปอร์เซียเนื่องจากโรงกลั่นในตะวันออกกลางปิดซ่อมบำรุง นอกจากนี้ความต้องการน้ำมันดีเซลจากจอร์แดนและศรีลังกายังช่วยสนับสนุนราคาอีกทั้งยังช่วยลดปริมาณน้ำมันดิบที่ล้นตลาดในฝั่งเอเชีย 

 

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่กรอบ 93- 99 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 104-110 เหรียญฯ  คืนนี้ติดตามการประกาศตัวเลขยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ และการประชุมธนาคารกลางสหภาพยุโรป 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันศุกร์: ดัชนีภาคการบริการจีน (HSBC)

 

- จับตาการประชุมธนาคารกลางสหภาพยุโรปในวันที่ 6 ก.พ. นี้ ว่าผู้นำยุโรปจะมีมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มในปีนี้อย่างไร ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าธนาคารฯจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป

- จับตาปัญหาหนี้สหรัฐฯ ที่มีกำหนดชนเพดานในวันที่ 7 ก.พ. นี้ โดยล่าสุดรัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ กระตุ้นให้สภาคองเกรสสร้างความเชื่อมั่นให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังโรงกลั่นหลายแห่งต้องยุติการดำเนินการชั่วคราวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวรุนแรง และการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น

- ความไม่สงบใน ซูดานใต้ ซีเรีย และอิรัก ยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตของประเทศ นอกจากนี้ จับตาว่าลิเบียจะกลับมาส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือฝั่งตะวันออกได้หรือไม่หลังการเจรจาระหว่างรัฐบาลและกลุ่มผู้ประท้วงมีความคืบหน้า