นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ที่มี น.ส.รัชนี ตรีพิพัฒน์กุล เป็นประธาน ได้มีมติอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินอีก 2 บาท ซึ่งเป็นไปตามสัญญาสัมปทานที่กำหนดให้มีการปรับราคาค่าโดยสารทุกๆ 2 ปี ตามดัชนีผู้บริโภค
ปีนี้ครบกำหนดตามสัญญาสัมปทาน หลังจากมีการปรับราคาไปเมื่อวันที่ 3 ก.ค.2555 ซึ่งการปรับราคาในครั้งนี้จะปรับอัตราค่าโดยสารจากเดิม 16-40 บาท เป็น 16-42 บาท ราคาเริ่มต้นแรกเข้าระบบยังอยู่ที่ 16 บาท ส่วนระยะอื่นๆ ปรับขึ้นระยะละ 1-2 บาท
ทั้งนี้ อัตราค่าโดยสารที่ปรับขึ้นใหม่ มีดังนี้ ระยะทาง 0-1 สถานีราคา 16 บาทตามเดิม 2 สถานี ปรับขึ้นเป็น 19 บาท จากเดิม 18 บาท , 3 สถานีปรับขึ้นเป็น 21 บาทจากเดิม 20 บาท ,4 สถานีปรับขึ้นเป็น 23 บาทจากเดิม 22 บาท ,5สถานีปรับขึ้นเป็น 26 บาทจากเดิม 25 บาท ,6สถานีปรับขึ้นเป็น 28 บาทจากเดิม 27 บาท , 7สถานีปรับขึ้นเป็น 30 บาทจากเดิม 29 บาท, 8สถานีปรับขึ้นเป็น 33 บาทจากเดิม 31 บาท ,9สถานีปรับขึ้นเป็น 35 บาทจากเดิม 34 บาท, 10 สถานีปรับขึ้นเป็น 37 บาทจากเดิม 36 บาท ,11สถานีปรับขึ้นเป็น 40 บาทจากเดิม 38 บาท และ 12-17 สถานีปรับขึ้นเป็น 42 บาทจากเดิม 40 บาท มีผลในวันที่ 3 ก.ค.2557
การปรับขึ้นค่าโดยสารดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน ซึ่งล่าสุด รฟม. ได้นำส่งให้กระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอ ครม.แล้ว และคงต้องขออนุญาตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากเป็นการปรับขึ้นตามสัญญาสัมปทานเดิม ไม่ใช่ขออนุมัติเรื่องใหม่ ปัจจุบันรถไฟฟ้าใต้ดินมีผู้โดยสารเฉลี่ยวันทำงานที่ 3-3.2 แสนคนต่อวัน ซึ่งลดลงจากช่วงชัตดาวน์กรุงเทพฯ ที่มีผู้โดยสารสูงถึง 3.7 แสนคนต่อวัน และปีนี้ BMCL จะต้องจ่ายค่าสัปมทานให้ รฟม.เพิ่มขึ้นจาก 1% เป็น 5% ตามสัญญา
"หลังจากนี้ รฟม.จะต้องนำรายละเอียดการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที เสนอไปที่กระทรวงคมนาคมเพื่อนำเรื่องเสนอต่อเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 3 มิ.ย.นี้ เนื่องจากตามกฎหมาย รฟม.จะต้องประกาศอัตราค่าโดยสารใหม่ให้ประชาชนทราบ ก่อนดำเนินการปรับขึ้นราคาเป็นระยะเวลา 1 เดือน ทั้งนี้คาดว่าขั้นตอนการเสนอขออนุมัติจาก ครม.จะไม่เป็นปัญหา เพราะเป็นไปตามสัญญาสัมปทาน หากไม่ให้ปรับขึ้นราคาก็อาจโดนเอกชนฟ้องร้องได้"
ข่าวเด่น