|
|
|
|
|
|
“หาดใหญ่โพล” เปิดเผยผลสำรวจโพล เรื่อง “วิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลรักษาการ” โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับวิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลรักษาการโดยกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจครั้งนี้เป็นประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 604 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 21-25 กุมภาพันธ์ 2557 ผลการสำรวจสรุปได้ดังนี้
สถานภาพกลุ่มตัวอย่างกลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 58.05) มีอายุระหว่าง 31-40 ปี (ร้อยละ 33.27) รองลงมา อายุ 21-30 ปี (ร้อยละ 27.49) และอายุ 41-50 ปี (ร้อยละ 23.69) ตามลำดับ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป (ร้อยละ 22.38) รองลงมา คือ ประกอบกิจการส่วนตัว/ค้าขาย (ร้อยละ 19.18) พนักงานบริษัท/ลูกจ้าง (ร้อยละ 17.58) และนักเรียน/นักศึกษา (ร้อยละ 14.92)
ผศ.ดร. กอแก้ว จันทร์กิ่งทอง รักษาการผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจหาดใหญ่โพล พบว่า ประชาชนเห็นว่าแนวทางในการช่วยเหลือชาวนา คือ การระบายข้าวสู่ตลาด เป็นวิธีที่ดีที่สุด (ร้อยละ 29.08) รองลงมา คือ ชาวนาเอาข้าวคืนจากรัฐบาล (ร้อยละ 22.02) และรัฐบาลลาออกเพื่อหารัฐบาลคนกลางมาช่วยเหลือชาวนา (ร้อยละ 17.82)
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 67.17 เห็นว่าการชุมนุมของชาวนาเพื่อเรียกร้องเงินจำนำข้าวส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในระดับมาก และร้อยละ 18.42 เห็นว่าการชุมนุมของชาวนาเพื่อเรียกร้องเงินจำนำข้าวส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในระดับปานกลาง ในขณะที่ร้อยละ 14.41 เห็นว่าการชุมนุมของชาวนาเพื่อเรียกร้องเงินจำนำข้าวส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในระดับน้อย
นอกจากนี้ ประชาชนไม่ต้องการให้พรรคการเมือง ใช้โครงการรับจำนำข้าวในการหาเสียงเลือกตั้งอีก (ร้อยละ 72.09) โดยประชาชนต้องการเห็นการปฏิรูปการคอร์รัปชั่นมากที่สุด (ร้อยละ 63.45) รองลงมา คือการปฏิรูประบบการเมือง/ระบบการเลือกตั้ง (ร้อยละ 47.38) การปฏิรูประบบราชการ (ร้อยละ 40.44) การปฏิรูประบบสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างทั่วถึง (ร้อยละ 28.43) และการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (ร้อยละ 20.47) ตามลำดับ
เมื่อถามถึง ประเด็นย่อยในการปฏิรูปประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้มีการกำหนดขอบเขตการใช้อำนาจของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติ มากที่สุด (ร้อยละ 90.48) รองลงมา คือการกำหนดให้มีบทลงโทษในการคอร์รัปชั่นที่รุนแรง (ร้อยละ 84.43) ให้คดีการคอร์รัปชั่นไม่มีอายุความ (ร้อยละ 80.53) การให้สิทธิ์ประชาชนในการฟ้องคดีทุจริตคอร์รัปชั่น (ร้อยละ 79.30) การปฏิรูปกระบวนการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมไม่ซื้อเสียง (ร้อยละ 77.83) การตั้งองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคที่มีตัวแทนจากภาคประชาชน (ร้อยละ 77.37) การสร้างโอกาสในการศึกษาของเยาวชนอย่างเท่าเทียม (ร้อยละ 76.04) และการปฏิรูปโครงสร้างกระบวนการผลิตของเกษตรกร(ร้อยละ 75.29)
ในส่วนของการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาชนเห็นว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นใน 28 เขตในพื้นที่ภาคใต้ส่อต่อการขัดรัฐธรรมนูญ (ร้อยละ 55.89) เมื่อสอบถามว่าใครเหมาะสมกับนายกรัฐมนตรีคนกลาง พบว่า ประชาชนเห็นว่า มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลางภายใต้ความขัดแย้ง มากที่สุด (ร้อยละ 23.00) รองลงมา คือ คุณอานันท์ ปันยารชุน (ร้อยละ 20.21) คุณพลากร สุวรรณรัฐ (ร้อยละ 19.86) และ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ (ร้อยละ 11.67) |
LastUpdate 27/02/2557 11:54:49 โดย : Admin |
|
|
|
|
ข่าวเด่น