ความวุ่นวายในการแบ่งแยกดินแดนของประเทศไทยในภาคเหนือและอีสานได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อทหารเริ่มมีความไม่พอใจกับปฎิกิริยาและท่าทีของกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนของประเทศไทย

ล่าสุดวันนี้ (3 มี.ค.) พ.อ.โภคา จอกลอย หัวหน้ากองข่าว มณฑลทหารบกที่ 33 พร้อมด้วย พ.ท.สันโดษ ดงปารี นายทหารพระธรรมนูญ  เดินทางไปที่ สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีตามความผิดกฎหมายอาญามาตรา 113 , 114 กับ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กรณีขึ้นป้ายขอแยกประเทศ , สปป.ลานนา นำไปติดตั้งที่สะพานข้ามแยกดอนจั่น โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่าย และคำให้สัมภาษณ์ของนายเพชรวรรต  โดยมี พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ศรีวารีรัตน์ พงส.ผทค.สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ รับแจ้ง
       
หลังจากแจ้งความที่สภ.แม่ปิง จะไปแจ้งความต่อที่สภ.เมือง ในความผิดเดียวกันกรณีการให้สัมภาษณ์เรื่อง “สปป.ลานนา” และการแยกเป็นประเทศล้านนา หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลานนาว่า ทางกลุ่มมีการพูดคุยหารือมาเป็นเวลากว่า 6 เดือน และโอกาสที่จะแบ่งแยกเป็นไปได้สูง

ขณะที่ ด้านสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) โพสต์ข้อความชี้แจงต่อผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผ่านทางเฟซบุ๊ก สปป. วานนี้ (2 มีนาคม) เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.ว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้พลโท ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 ดำเนินการตามกฎหมายเอาผิดกับกลุ่ม สปป.ล้านนา เพราะเข้าใจว่า สปป.ล้านนา เป็นชื่อย่อของ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา" และจึงเท่ากับมีพฤติกรรมต้องการแบ่งแยกประเทศนั้น สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) ขอชี้แจงดังต่อไปนี้
 
- ชื่อเต็มของ สปป.ล้านนาคือ สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 โดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนแนวทางของสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย นั่นคือ สนับสนุนให้เกิดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่มีนโยบายแบ่งแยกดินแดนใดๆ ทั้งสิ้น โดยท่านสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้จากข่าวตามลิงค์นี้ http://prachatai.com/journal/2013/12/50754 และ https://www.facebook.com/groups/645350962173906/
 
อนึ่ง สปป.เห็นว่าระบบการข่าวของกองทัพบกควรตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ให้รอบด้านมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อข่าวนั้นมาจากสื่อที่มีพฤติกรรมบิดเบือนข้อมูลเป็นนิจศีล
 
- เป็นความจริงที่ว่าในปัจจุบันเริ่มปรากฏความเห็นของประชาชนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ต้องการแยกออกจากกรุงเทพฯและภาคใต้ และแม้ว่า สปป.จะเห็นว่าความคิดเห็นดังกล่าวยากที่จะเป็นจริงได้ และไม่ใช่วิถีทางที่จะช่วยแก้ไขวิกฤติการณ์ของสังคมไทยได้ก็ตาม แต่ สปป. เห็นว่าทัศนะดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อย เพราะมันสะท้อนความรู้สึกคับแค้นใจของประชาชนจำนวนมากต่อความอยุติธรรมทางการเมืองที่ดำเนินต่อเนื่องมานับตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 เป็นความอยุติธรรมที่เกิดจากการไม่เคารพในสิทธิทางการเมืองอันเท่าเทียมกันของประชาชน การทำลายระบอบประชาธิปไตย นิติรัฐ นิติธรรมโดยกลุ่มผู้มีอำนาจตามอำเภอใจ
 
ฉะนั้น สปป.เห็นว่าแทนที่จะมุ่งเอาผิดทางกฎหมายต่อประชาชนธรรมดา ผู้มีอำนาจและกลุ่มการเมืองต่างๆ พึงพิจารณาปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ด้วยการตั้งคำถามว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งเกิดความรู้สึกดังกล่าว สปป.เห็นว่ามีแต่การตั้งคำถามและตอบคำถามนี้ด้วยหัวใจที่เปิดกว้างเท่านั้นที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ประเทศไทยแตกแยกมากไปกว่าที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้