บมจ.ไทยออยล์ ชี้น้ำมันปรับขึ้นหลังสต็อกน้ำมันดิบคุชชิ่ง โอคลาโฮมาลด-เหตุตึงเครียดในไครเมีย
+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น หลังรายงานจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่จุดส่งมอบน้ำมันดิบคุชชิ่ง โอคลาโฮมา สิ้น สุด ณ วันที่ 21 มี.ค. 57 (จุดส่งมองน้ำมันดิบ WTI) ลดลงกว่า 1.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่ารายงานจากสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) ที่ปรับลดลงเพียง 1 ล้านบาร์เรล
+/-ถึงแม้ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ โดยรวม ปรับเพิ่มขึ้น 6.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะปรับเพิ่ม 2.7 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล และปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะปรับลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
+ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสได้รับแรงหนุนจากการที่ช่องทางเดินเรือฮูสตัน (Houston Ship Channel) ยังคงปิดดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดความกังวลต่อปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่จะต้องมีการจัดการอย่างดี เนื่องจากช่องทางเดินเรือแห่งนี้ถูกใช้ในการขนส่งน้ำมันดิบไปยังโรงกลั่นกว่า 10% ของกำลังการผลิตในสหรัฐฯ และส่งผลให้ Exxon ต้องปรับลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นลงบางส่วนแล้ว
+ สหรัฐและสหภาพยุโรปได้มีการตกลงกันเพื่อเตรียมแผนที่แข็งกร้าวขึ้นสำหรับมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย รวมถึงด้านพลังงาน ซึ่งส่งผลให้ยุโรปพึ่งการใช้ก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียน้อยลง โดยหากรัสเซียยังคงเพิ่มเหตุการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรไครเมียนั้น ทางฝั่งชาติตะวันตกก็จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ไปเรื่อยๆ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการน้ำมันเบนซินในภูมิภาคสำหรับเดือนเมษายนคาดว่าจะปรับลดลง หลังเวียดนามนำเข้าน้ำมันเบนซินสำหรับไตรมาส 2 ไปเป็นปริมาณมากพอสมควรแล้ว
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการน้ำมันดีเซลของภูมิภาคที่ปรับตัวสูงขึ้นจากอินโดนีเซียและเวียดนาม ประกอบกับอุปทานของน้ำมันดีเซลก็เริ่มตึงตัวเนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในเอเชีย ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม
ทิศทางราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 96 - 104 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 105-111 เหรียญฯ
ปัจจัยที่น่าจับตามองสัปดาห์นี้
- จับตาสถานการณ์ความตึงเครียดในแคว้นไครเมีย ซึ่งล่าสุดเกิดการโจมตีฐานทัพอากาศในยูเครนและมีผู้เสียชีวิต ขณะที่สหรัฐฯ หลังออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม รวมถึง การคว่ำบาตรบริษัทพลังงานแล้ว ยังขู่ว่าจะคว่ำบาตรภาคธุรกิจสำคัญๆ ของรัสเซียอีกหลายแขนงหากรัสเซียทำให้เหตุการณ์ในยูเครนบานปลาย
- ความกังวลของนักลงทุนต่อภาพรวมเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะภาคการผลิตที่มีแนวโน้มแย่ลง รวมถึงการตอบรับต่อข่าวจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจมีการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดมองว่าอาจกระทบความต้องการใช้น้ำมัน
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ลดลงในช่วงฤดูการปิดซ่อมโรงกลั่น อย่างไรก็ดี ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่คุชชิ่ง โอคลาโฮมา ยังปรับลดลงต่อเนื่องหลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Key Stone เปิดใช้ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
- จีดีพีไตรมาส 4/2556 สหรัฐฯ (ประกาศครั้งที่ 3) ที่จะประกาศในวันที่ 27 มี.ค. นี้ ซึ่งจะบ่งบอกถึงความต้องการใช้น้ำมันของประเทศผู้ใช้อันดับ 1 ของโลก โดยมีการคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นจาก 2.4% ในการประกาศครั้งก่อนหน้า มาอยู่ที่ 2.7%
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตาม
วันจันทร์ ดัชนีภาคการผลิตยุโรป (Markit) - มี.ค.
ดัชนีภาคการบริการยุโรป (Markit) - มี.ค.
ดัชนีภาคการผลิตจีน (HSBC) - มี.ค.
วันอังคาร ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ - มี.ค.
ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ - ก.พ.
วันพุธ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ - ก.พ.
วันพฤหัสฯ จีดีพีสหรัฐฯ - 4/2556 (ครั้งที่ 3)
ยอดสัญญาซื้อขายบ้านรอปิดการขายสหรัฐฯ - ก.พ.
วันศุกร์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยุโรป - มี.ค.
ข่าวเด่น