ไตรมาสที่ 1/57 มีโอกาสเป็นจุดต่ำสุดของปี 2557 เราประเมินว่า ตลาดฯในไตรมาสที่ 1/57 ได้ซึมซับปัจจัยเสี่ยงทั้งภายนอก ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ จีน ชะลอตัว ความผันผวนในตลาดการเงินของประเทศในตลาดเกิดใหม่ ปัญหาการขาดสภาพคล่องของภาคธุรกิจในจีนจนถึงขั้นมีบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และ ปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศ ได้แก่ การเมือง รวมถึง เศรษฐกิจชะลอตัว ไปพอสมควรแล้ว ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่ SET Index ในช่วงวันที่ 3 และ 6 ม.ค.จะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2557 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของเราที่ประเมินว่ากรณีเลวร้ายที่สุด SET Index มีโอกาสลดลงไปได้ถึง 1218 จุด (EPS 14F ที่ 105 * ค่า PER เฉลี่ย 10 ปีที่ 11.6 เท่า)

 

ไตรมาสที่ 2/57 คาดตลาดฯผันผวนแต่รุนแรงลดลง เนื่องจากได้ซึมซับปัจจัยเสี่ยงต่างๆไปบ้างแล้ว เราประเมินว่า ตลาดฯในไตรมาสที่ 2/57 จะยังคงเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการ ทั้ง การเมืองในประเทศที่อาจรุนแรงขึ้น การปรับลดประมาณการ GDP รอบใหม่ เนื่องจากมีโอกาสที่การจัดการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นไม่ทันไตรมาสที่ 2/57 การทบทวนแนวโน้มกำไรสุทธิปี 57 รอบใหม่หลังจากมีการประกาศงบไตรมาสที่ 1/57 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองเต็มที่ รวมถึง ตลาดการเงินโลกอาจผันผวนเป็นระยะๆจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า ปัญหาการเมืองมีโอกาสที่จะเห็นทางออกในไตรมาสนี้ เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อประเทศ ซึ่งในที่สุดจะกลายเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดฯในไตรมาสนี้ ปัจจัยดังกล่าว ทำให้เราประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของตลาดฯไว้ที่ระดับ 1300-1400 จุด ทั้งนี้ขึ้นกับว่าจะเกิดสถานการณ์อย่างไร โดยเราประเมินไว้ 3 แนวทาง 

 

 

เดือน เม.ย. (การเมือง) - คำวินิจฉัยของปปช.ต่อคดีโครงการรับจำนำข้าว, การนัดชุมนุมครั้งสำคัญของกลุ่มนปช. ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การประชุม กนง วันที่ 23 เม.ย. และ FOMC 29-30 เม.ย.

 

เดือน พ.ค.(ผลการดำเนินงาน) - การประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 1/57 การประกาศปรับปรุงดัชนี MSCI Thailand และ ทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากมักจะเกิดการ Sell in May เดือน มิ.ย. (ทิศทางเงินทุนต่างชาติ) - การประชุม FOMC วันที่ 17-18 มิ.ย. ถือว่าสำคัญ โดยหากเฟดยังคงยืนยันว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2558 อาจส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลไปที่ตลาดการเงินสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่อการประชุม กนง.วันที่ 18 มิ.ย.เช่นกัน