กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผย รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ฉบับล่าสุด ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันอังคาร (8 เม.ย.) ว่า คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะอยู่ที่ 3.6% และอยู่ที่ 3.9% ในปีหน้า ซึ่งเป็นการลดลงจากการคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟเมื่อเดือนมกราคมประมาณ 0.1% เนื่องจากยูเครนเผชิญวิกฤตการประท้วงต่อต้านรัฐบาล และจากนั้นรัสเซียก็เข้าผนวกไครเมีย ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจรัสเซียชะลอลงอย่างรุนแรง รวมทั้งอาจถูกโลกตะวันตกใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ และอาจลุกลามออกไปสู่ประเทศโดยรอบ ขัดขวางการค้าและการเงิน ซึ่งรวมถึงตลาดน้ำมัน ก๊าซ อาหาร สินค้าโภคภัณฑ์
สำหรับเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่โดยรวม คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 4.9% ในปี 2557 ซึ่งลดลง 0.2% จากที่คาดไว้ในเดือนมกราคม ส่วนอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ในปี2557ของไทยจะอยู่ที่ระดับ 2.5% โตต่ำที่สุดในบรรดาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนปีหน้าคาดว่าจีดีพีไทย จะขยายตัว 3.8% ขณะที่จีดีพีของ 9 ชาติอาเซียน (ไม่รวมประเทศสิงคโปร์) เมียนมาร์โต 7.8% ,สปป.ลาว 7.5%, กัมพูชา 7.2% , ฟิลิปปินส์ 6.5%, เวียดนาม 5.6% , อินโดนีเซีย 5.4%,บรูไน 5.4% , มาเลเซีย 5.2% และ ไทย 2.5%
โอลิวิเยร์ บลองชาร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังคงดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว เห็นการฟื้นตัวมาตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา เและเป็นการฟื้นตัวที่มีลักษณะครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี รายงานล่าสุดของไอเอ็มเอฟเตือนว่า การชะลอตัวรุนแรงของพวกประเทศตลาดเกิดใหม่รายสำคัญ อาทิ บราซิล แอฟริกาใต้ และตุรกี ยังอาจจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก โดยพัฒนาการที่น่าเป็นห่วงเช่นนี้มีสาเหตุทั้งจากการขาดแคลนนโยบายภายในประเทศที่เหมาะสม ภาวะการเงินตึงตัวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และภาวะเงินทุนไหลออก รวมทั้งยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากความปั่นป่วนอันเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ที่กำลังทำให้อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกขยับขึ้น และดูดเงินทุนออกจากตลาดที่มีความเสี่ยงมากกว่า
ข่าวเด่น