ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดโดยความต้องการน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 8.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถึงแม้ว่ายังไม่ได้เข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวของสหรัฐฯ
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลัง ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 เม.ย. 57 ลดลง 5.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเพียง 0.7 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 4.0 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 384.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอคลาโฮมา ปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ 0.3 ล้านบาร์เรล สำหรับปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรล
สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างยูเครนและรัสเซีย ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าชาติตะวันตกกับรัสเซียอาจจะมีความสัมพันธ์ในแง่ลบอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลต่ออุปทานน้ำมันดิบ โดยรัสเซียถือเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก หลังสหรัฐฯ มั่นใจว่าทางกลุ่มฝักใฝ่ของรัสเซียเป็นผู้บุกยึดอาคารของรัฐบาลในหลายแห่งทางตะวันออกของยูเครนในสัปดาห์นี้
ลิเบียมีโอกาสที่จะส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มเติ่มได้ หลังรัฐบาลลิเบียและฝ่ายกบฏสามารถเจรจาบรรลุข้อตกลงให้สามารถเปิดบริการท่าน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ แต่รัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมดหลังพบว่ามีคนของฝ่ายกบฏบางส่วนยังคงอยู่ในท่าน้ำมันดิบดังกล่าว
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอินเดียอาจมีการส่งออกน้ำมันเบนซินมายังเอเชียเพิ่มเติมซึ่งส่งผลให้อุปทานในภูมิภาคไม่ตึงตัวมากนักถึงแม้อยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นก็ตาม
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ แต่อย่างไรก็ตามอุปทานสำหรับน้ำมันดีเซลค่อนข้างจะตึงตัวในช่วงฤดูการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในเอเซีย ประกอบกับความต้องการจากตะวันออกกลางปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะความต้องการสำหรับนำไปผลิตไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน
ทิศทางราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 96 - 104 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 103-109 เหรียญฯ
ปัจจัยที่่น่าจับตามองสัปดาห์นี้
-จับตาการเปิดใช้ท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบลิเบีย 3 ท่า ซึ่งสามารถส่งออกน้ำมันดิบได้กว่า 0.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากท่าเรือดังกล่าวถูกปิดจากการประท้วงกว่า 8 เดือน
-สถานการณ์ความตึงเครียดในไครเมียที่ยังคงเป็นประเด็นที่นานาชาติให้ความสนใจ โดยล่าสุดนาโต้ได้ประกาศระงับความร่วมมือกับรัสเซียทั้งทางพลเรือนและทางทหารกับรัสเซีย เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียผนวกดินแดนไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตน
-การเจรจาโครงการนิวเคลียร์อิหร่านที่จะมีขึ้นในวันที่ 8-9 เม.ย. นี้ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
-ติดตามรายงานประจำเดือนของ EIA (8 เม.ย.) OPEC (10 เม.ย.) และIEA (11 เม.ย.) ว่าจะมีมุมมองต่อการใช้น้ำมันและอุปทานน้ำมันมันดิบโลกอย่างไร ภายหลังเศรษฐกิจจีนส่อเค้าซบเซาในช่วงที่ผ่านมา
-ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอคลาโฮมา ที่ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9 หลังจากท่อขนส่งน้ำมันดิบ KeyStone เริ่มเปิดใช้ไปเมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โดยคาดว่าท่อขนส่งน้ำมันดิบดังกล่าวจะสามารถขนส่งน้ำมันได้เต็มประสิทธิภาพที่ 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในเดือน มิ.ย. นี้
ข่าวเด่น