กลยุทธ์วันนี้ 1390+/-
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังไม่ผ่าน 1,390 จุด ปิดที่ 1,389.56 จุด บวกเป็นวันที่ 2 อีก 7.54 จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,064 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 828 ล้านบาท ซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 12 มากถึง 9,788 ล้านบาท แม้ Short สุทธิใน Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 341 สัญญา เพื่อปิดความเสี่ยงในช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย
MBKET คาด SET INDEX วันนี้มีแนวโน้มแกว่งกรอบแคบระหว่าง 1,385-1,395 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย อีกทั้งการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้น KBANK/ SCB / TCAP วันนี้ มีผลกระทบต่อ SET INDEX 2.39 จุด ทั้งนี้ MBKET ยังคงให้น้ำหนักกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ จากโอกาสที่ ECB / BoJ เตรียมอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินส่วนเกินเพิ่มเติมในช่วง 2 เดือนนี้
สำหรับประเด็นการเมืองภายในประเทศ มีความเป็นไปได้สูงที่ความชัดเจนจะถูกเลื่อนออกไปจากสัปดาห์หน้า ไปเป็นช่วงปลายเดือนเม.ย.หรือ ต้นเดือนพ.ค. ทั้งนี้ติดตามการพิจารณาของศาล รธน. ต่อคำร้องขอยืดเวลาเข้าชี้แจงของนายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ จากวันที่ 17 เม.ย.
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า MBKET แนะนำให้ติดตามผลผลิตภาคอุตฯ อียู และ จีน, อัตราเงินเฟ้อของอียู ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อโอกาสเกิด QE ของ ECB และรายงาน Beige Book ของเฟด
ภาพกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” เน้นหุ้น Laggard หรือ Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตฯ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “สะสม” SPCG
Portfolio
Top Pick in 2Q14: SAMART / SPCG / GOLD
HOLD: KTB/ SCC/ SPCG/ SPALI/ TTA
Accumulative Buy: SPCG
Technical View
แนวรับ 1380 +/- และ 1360-1365 จุด แนวต้าน 1390 +/- และ 1400 +/- จุด ประเมินการดีดตัวดูจำกัด น่าใช้เป็นจังหวะขายทำกำไร
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,390 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดบวกเด่นแทบทุกตลาด โดยเฉพาะ HSKI +1.51% หลังทางการจีน เตรียมเปิดให้มีการซื้อขายหุ้นระหว่างตลาดฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ได้
สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX แกว่งระหว่าง 1,380-1,390 จุด ด้วยปัจจัยรอบเอเชียที่เป็นบวก อีกทั้งเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ต่อเนื่อง สะท้อนมายังหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTTGC, PTT, AOT ขยับขึ้นเด่น ผลักดันให้ SET INDEX ปิดบวกเป็นวันที่ 2 อีก 7.54 จุด มาอยู่ที่ 1,389.56 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 25,064 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดวานนี้ ได้แก่ กลุ่มกระดาษ +1.97%, กลุ่ม Person +1.32% และกลุ่ม Home +1.21% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร +0.52%, กลุ่มพลังงาน +0.74% และกลุ่ม ICT +0.98%
SET INDEX วันนี้ แกว่งกรอบแคบ 1,385-1,395 จุด
ด่าน 1,400 จุดยังไม่น่าผ่านในวันนี้
กลยุทธ์การลงทุน ซื้อเก็งกำไรหุ้น Laggard เป็นสำคัญ
คาดกลุ่มบ้าน / SCC จะเป็นหุ้นหลักในการผลักดัน SET INDEX รอบนี้
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ (7.28 น) ตลาดหุ้น Nikkei เปิดลบ 2.51% จากแรงกดดันเงินเยนแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ บวกกับตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นส่งสัญญาณชะลอโมเมนตัมเชิงบวก
MBKET คงน้ำหนักการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 16 พร้อมคงภาพระยะถัดไป 1,400 จุด และสูงกว่า ยังมีความเป็นไปได้สูง จากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง เมื่อภาพเศรษฐกิจในสหรัฐฯ / อียู / ญี่ปุ่น ส่งสัญญาณสูญเสียโมเมนตัมเชิงบวกจากช่วง ปลายปี 2556 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ SET INDEX วันนี้อาจแกว่งในกรอบระหว่าง 1,385-1,395 จุด ด่านสำคัญ 1,400 จุด ยังไม่น่าผ่านในวันนี้ เพราะ
การขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้น KBANK / SCB / TCAP วันนี้มีผลกระทบต่อ SET INDEX 2.39 จุด
การซื้อขายสุดท้ายก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย 4 วัน ระหว่างวันที่ 12-15 เม.ย. อาจเกิดแรงขาย ปิดความเสี่ยงในช่วงวันหยุด
อย่างไรก็ตาม MBKET ประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติ ยังคงให้น้ำหนักกับตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย ต่อเนื่อง เพราะ
ตลาดหุ้นไทย / นักลงทุนต่างชาติ รับรู้ประเด็นการเมืองมาตลอด 5 เดือน และเข้าสู่เดือนที่ 6 แล้ว น่าจะมากเพียงพอต่อการรับความเสี่ยงในประเด็นนี้
ปัจจัยต่างประเทศ ส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ได้แก่
ECB ส่งสัญญาณพร้อมพิจารณาโครงการ QE เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อต่ำ และการว่างงานสูง ซึ่งตลาดคาดภายในเดือนมิ.ย.นี้ ECB จะเริ่มโครงการ QE
BoJ ยังคงวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ Yen70 ล้านล้าน/ปี แต่พร้อมปรับเปลี่ยนวงเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจในแต่ละช่วง ซึ่ง Bloomberg consensus คาด BoJ จะพิจารณาเพิ่มวงเงินในการประชุมเดือนก.ค.
FOMC ประชุมวันที่ 28-29 เม.ย.นี้ อาจพิจารณาคงวงเงิน QE ที่ US$5.5 หมื่นล้าน/เดือน หลังตัวเลขการจ้างงานเริ่มชะลอโมเมนตัมเชิงบวก
จีน อาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึง PBOC อาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังตัวเลขการส่งออก หดตัวลงแรงในเดือนมี.ค.
ขณะที่ประเด็นการเมืองภายในประเทศ มีความเป็นไปได้ที่จะถูกเลื่อนความชัดเจนออกไปเป็น ปลายเดือนนี้ หรือ ต้นเดือนพ.ค. ได้แก่
การเคลื่อนไหวของกลุ่มนอกสภา
กปปส. รวม 4 เวทีเข้าเป็นหนึ่งเดียวที่เวทีสวนลุมพินี ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.
นปช. ให้นาย จตุพร เป็นประธาน และ ณัฐวุฒิ เป็นเลขาธิการ กลุ่ม พร้อมประกาศเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้ง เพราะไม่เห็นด้วยกับท่าที และแนวทางการพิจารณาคดี ของกลุ่มองค์กรอิสระ ทั้งในส่วนของ สส.-สว. 308 ท่าน และ คดีจำนำข้าว
ทั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย นัดระดมพล พร้อมกัน วันที่ ศาล รัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้อง กรณีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ โยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนสี
กกต.
วันที่ 12 มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ รับพิจารณาคำร้องการกำหนดวันเลือกตั้ง 28 เขตที่มีปัญหานั้น ต้องออกพ.ร.ฎ. เลือกตั้งใหม่หรือไม่ หากออกพ.ร.ฎ ใหม่ นั้น จะต้องครอบคลุมทุกเขต หรือเฉพาะ 28 เขตที่ยังไม่มีผู้สมัคร และเปิดการเลือกตั้งได้ ซึ่ง กกต. ยื่นคำร้องไปในวันที่ 26 ก.พ. หากรับพิจารณา ลำดับถัดไปคือ รอศาลฯ กำหนดวันอ่านคำวินิจฉัย ทั้งนี้ กกต. คาดว่า ศาลฯ จะอ่านวินิจฉัยในวันที่ 21 มี.ค.
การเลือกตั้ง ส.ว.: รับสมัคร ส.ว. วันที่ 4-8 มี.ค. // เลือกตั้ง ส.ว. วันที่ 30 มี.ค.
กกต. กำหนดวันที่ 8 เม.ย. เชิญผู้นำ 4 เหล่าทัพ และหน่วยงานความมั่นคง หารือในการกำหนดวันเลือกตั้ง และกำหนดวันที่ 22 เม.ย.หารือกับ 73 พรรคการเมือง
โครงการจำนำข้าว
กกต. อนุมัติให้ รัฐบาลรักษาการ จัดสรรงบประมารกลาง 2.0 หมื่นล้านบาท มาจ่ายให้แก่ชาวนา ภายใต้โครงการจำนำข้าวได้ แต่ รัฐบาลฯ ต้องเร่งขายข้าว เพื่อนำเงิน 2.0 หมื่นล้านบาท มาชำระแก่งบประมาณกลาง ภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้
วันที่ 5 มี.ค. อัยการได้ยื่นศาลปกครอง เพื่อฟ้องนายกฯ รักษาการ ยิ่งล้กษณ์ กรณีผิดสัญญาจำนำข้าว เรียกมูลค่า 2.7 ล้านบาท บวกอัตราดอกเบี้ย 7.5% จ่ายให้แก่ชาวนา
ปปช.: กำหนดให้นายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ เข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหา กรณีบกพร่องในหน้าที่ต่อการเป็นประธาน โครงการจำนำข้าว และทำให้เกิดการคอร์รัปชั่น ภายในวันที่ 31 มี.ค. ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มีมติไม่ยืดเวลาให้แก่นายกฯ รักษาการ กรณีเข้าชี้แจง
วันที่ 31 มี.ค. นายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าชี้แจงด้วยตนเอง พร้อมทนายส่วนตัวอีก 2 คน โดยเสนอให้มีการสอบพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก ทั้งนี้ ปปช.จะมีการหารือในวันที่ 1 เม.ย. ว่าจะมีการสอบพยานเพิ่มเติมตามที่ร้องขอหรือไม่
วันที่ 1 เม.ย. ปปช. มีมติสอบพยานเพิ่มอีก 3 ปาก จากคำร้อง 10 ปาก ได้แก่ นายยรรยงค์ (9 เม.ย.), นายนิวัฒน์ (10 เม.ย.) นายกิตติรัตน์ (18 เม.ย.) และเพิ่มพล.ต.ต. ธวัช (17 เม.ย)
ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท: ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติวินิจฉัย ขัดรัฐธรรมนูญทั้งในส่วนของเนื้อหา และ กระบวนการ โดยในส่วนเนื้อหา มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.169 วรรค 1 และ ม.170 ส่วนกระบวนการตราร่างกฎหมายนั้น มีมติเสียงข้างมาก
ปปช. ตัดสินให้
นายนิคม ประธานวุฒิสภา พ้นจากประธานวุฒิสภา จากกรณีแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ที่มาของ ส.ว. จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนนาย สมศักดิ์ ประธานรัฐสภา ไม่ถูกชี้มูล ในครั้งนี้ ทั้งนี้
นายนิคม ต้องยุติบทบาทหน้าที่ ประธานวุฒิสภา ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. เป็นต้นไป
ปปช.จะสรุปเรื่องถอดถอน นายนิคม สู่รองประธาน วุฒิสภา เพื่อเปิดประชุมพิจารณา โดยหากได้รับเสียง 3 ใน 5 หรือ 82 จาก 142 เสียงรับรองการถอดถอน นายนิคมจะต้องถูกถอดถอนทันที
วุฒิสภา เตรียมโหวตถอดถอนนายนิคม วันที่ 18 เม.ย. โดยจะเป็นวุฒิสภา ชุดเดิม เพราะ กกต. ยังรับรองได้ไม่ครบ 90% ของจำนวนทั้งหมด ยังขาดอีก 19 จังหวัด
นายสมศักดิ์ ประธานรัฐสภา วันที่ 1 เม.ย. ปปช.มีมติ ถอดถอน เช่นเดียวกับ นาย นิคม
กรณีสถานะ นายกฯ รักษาการ คุณยิ่งลักษณ์: วันที่ 2 เม.ย.คณะตุลาการศาล รธม. มีมติรับพิจารณาคำร้องของกลุ่ม ส.ว.สรรหา ต่อสถานะของนายกฯ รักษาการ กรณี โยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยให้คืนคำแหน่งให้แก่นายถวิล ซึ่งศาลฯ จะเปิดให้ นายกฯ รักษาการ เข้ามาชี้แจงภายใน 15 วัน หลังรับสำเนาคำร้อง
ด้านปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยเริ่มมีประเด็นที่น่าสนใจ เมื่อ Bloomberg consensus ปรับเพิ่ม EPS ของปี 2557 ขึ้นเป็นวันที่ 3 เท่ากับ 105.91 บาท จากวันก่อนหน้า 105.60 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 0.31 บาท ย่อมเป็นบวกต่อภาพรวมของ SET INDEX
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากตารางคำนวณ SET INDEX ในปี 2557 ด้วยอัตราการเติบโตของ EPS ปี 2557 ที่ 10.06% เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่คาด +9.05% แต่ระดับปัจจุบัน SET INDEX ถือว่ายังซื้อขายในโซน “แพง” ความผันผวนและเปราะบางของการไต่ระดับขึ้นยังคงมีอยู่กับตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้
หากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ MBKET แนะนำให้ “เก็งกำไรหุ้น Laggard” ด้วยระยะหวังผลต่อการฟื้นตัว 15-20 จุด ณ บริเวณดังกล่าว
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. ติดตามการพิจารณาของคณะตุลาการศาลต่อกรณีนายถวิล: หลัง นายพงษ์เทพ ส่งจดหมายถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอยืดเวลาการเข้าชี้แจงของนายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ ที่จะครบกำหนดวันที่ 17 เม.ย. ต่อกรณีการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนสี ทั้งนี้ ศาลฯ อาจพิจารณา ยืด หรือ ไม่ยืด เวลาการเข้าชี้แจง ถือเป็นตัวแปรสำคัญในสัปดาห์หน้า
2. การขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นธนาคาร 3 แห่ง: ได้แก่ KBANK (3.00 บาท), SCB (3.75 บาท) และ TCAP (1.00 บาท) วันนี้ มีผลกระทบต่อ SET INDEX รวม 2.39 จุด
3. Bloomberg consensus ปรับ EPS ตลาดหุ้นไทยขึ้นอีก: หากพิจารณาจาก EPS ปี 2557 โดย Bloomberg consensus ล่าสุดเช้านี้ เท่ากับ 105.91 บาท เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 จากวันก่อนหน้า 105.60 บาท สะท้อนมุมมองของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนไทยในปีนี้ น่าจะผ่านจุดต่ำสุดของตลาดที่กังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไปแล้ว
4. คาดตลาดหุ้นอินโดนีเซียวันนี้ฟื้นตัว: หลังวานนี้ปิดลบ 3.2% เมื่อผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการพบว่า พรรคของนาย Widodo ได้เสียงโหวตไม่ถึง 20% แต่อย่างไรก็ตาม พรรค PDI-P ได้มีการหารือกับพรรคการเมืองเล็ก เพื่อรวมตัว เสนอชื่อนาย Widodo เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในกลางปีนี้ ขณะที่พรรค Domocratic Party ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลชุดปัจจุบัน กลับได้คะแนนเสียงที่ตกลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จากการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้า (ปี2552) ที่ 20.8% เหลือเพียง 9.7% เท่านั้น ประเด็นนี้ อาจทำให้ตลาดหุ้น JCI ฟื้นตัว หรือเกิด Technical Rebound ได้
5. เช้านี้ติดตามอัตราเงินเฟ้อของจีน: Bloomberg consensus คาดเดือนมี.ค. อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 2.4% yoy จากเดือนก.พ.ที่ +2.0% yoy
6. ประเด็นสำคัญสัปดาห์หน้า:
ประเด็นการเมืองอาจเลื่อนการพิจารณา ทั้งกรณี ศาลรัฐธรรมนูญต่อคำร้องการโยกย้าย นาย ถวิล เปลี่ยนสี วันที่ 17 เม.ย. // วุฒิสภา เตรียมโหวตถอดถอน นายนิคม วันที่ 18 เม.ย. // การเข้าชี้แจง กรณีจำนำข้าว ต่อ ปปช. ของนายกิตติรัตน์ วันที่ 18 เม.ย. เช่นกัน
การประกาศงบการเงิน 1Q57 ของกลุ่มธนาคาร เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. ทั้งนี้ KBANK งบการเงินจะเติบโต qoq / yoy เด่นสุดในกลุ่ม
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตฯ - อัตราเงินเฟ้อ ของจีน – อียู, การจ้างงานในอังกฤษ, ยอดค้าปลีก – อัตราเงินเฟ้อ – รายงาน Beige Book ของ สหรัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1. SPCG : ราคาปิด 20.50 บาท ราคาเหมาะสม 28.00 บาท
a) MBKET ประเมินว่าหุ้น SPCG จะ Outperform ตลาดได้ในช่วงครึ่งหลังของเดือน เม.ย. เนื่องจากลักษณะธุรกิจโรงไฟฟ้ามีความ Defensive เพราะรายได้แน่นอน และปีนี้จะเข้าสู่การเติบโตของกำไรที่โดดเด่น เนื่องจากเป็นปีแรกที่รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ครบทั้ง 36 โครงการ
b) มีปัจจัยบวกรออยู่ คือการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 เม.ย. เพื่อขออนุมัติหุ้นกู้จำนวน 4,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปชำระคืนหนี้สินระยะยาวเดิม และคาดว่าจะส่งผลให้ SPCG สามารถจ่ายเงินปันผลได้ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในปี 2558
c) ดังนั้น เราคาดว่า SPCG จะจ่ายเงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 1.02 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.9% และเพิ่มขึ้นเป็นหุ้นละ 1.39 บาท ในปี 2558 คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.7%
d) คาดกำไรสุทธิ 1Q57 จะเติบโตสูง +152% yoy และ 21% qoq เป็น 240 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 3 แห่ง เป็น 27 แห่งใน 1Q57
e) และผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +166% yoy เป็น 1.7 พันล้านบาท และ +37% yoy เป็น 2.3 พันล้านบาทในปี 2558
f) ยังมี Valuation ที่ไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 10.10 เท่า ต่ำกว่า EA ที่ 30.3 เท่า
What will DJIA move tonight?
คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
ข่าวเด่น