กลยุทธ์วันนี้ SMID Cap Day
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิดบวกเล็กน้อย 0.40 จุด มาอยู่ที่ 1,409.18 จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,137 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 อีก 1,271 ล้านบาท แม้ว่า Financial Hubs ของเอเชียอย่างฮ่องกงและสิงคโปร์ปิดทำการก็ตาม พร้อมคงการ Long สุทธิใน Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 81 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นวันที่ 16 อีก 1,300 ล้านบาท
มุมมองต่อ SET INDEX ของ MBKET ยังคงเป็นลักษณะของการไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,415/20 จุด ด้วยกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ บวกกับเก็งกำไรต่อโอกาสการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งวันพรุ่งนี้ พรรคการเมืองหลักทั้ง พรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมหารือการเลือกตั้งร่วมกับ กกต. แม้ว่าจะไม่ได้ข้อสรุป แต่ถือว่าเป็นการเริ่มการหารือที่เป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าว
ขณะที่ประเด็นเก็งกำไรในสัปดาห์นี้ MBKET ให้น้ำหนักกับการประชุมผู้ถือหุ้นของหุ้นขนาดกลาง เปิดโอกาสเก็งกำไรรายตัว GOLD (21 เม.ย.) / TRUE - SPCG (25 เม.ย.) / SAMART (29 เม.ย)
ภาพกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “เก็งกำไรระยะสั้น” หุ้น Laggard หรือ หุ้นที่ Valuation ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม พร้อมขายทำกำไรหุ้นหลักที่แนะนำมาก่อนหน้านี้
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” BLAND/ GOLD
Portfolio
Top Pick in 2Q14: SAMART / SPCG / GOLD
HOLD: KTB/ SCC/ SPCG/ SPALI/ TTA
Speculative Buy: BLAND/ GOLD
Technical View
แนวรับ 1400 และ 1395 จุด แนวต้าน 1420-1425 จุด คงถือครองส่วนที่เหลือ โดยมีเป้าแนวปะทะถัดไปแถว 1420-1425 จุด
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,400 จุด เป็นวันที่ 3
ตลาดหุ้นเอเชียวันศุกร์ ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน เพราะตลาดหุ้นหลักทั้งในเอเชีย และ ยุโรป ปิดทำการ เนื่องในวัน Good Friday
ด้านตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ SET INDEX เปิดบวกและขยับกรอบแกว่ง 1,410 – 1,415 จุด ด้วยแรงผลักดันหุ้นหลักอย่าง ADVANC, SCB, KBANK, DTAC เป็นต้น พร้อมกับหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเก็งกำไรเฉพาะตัว เช่น JAS, BLAND, GOLD เป็นต้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,409.18 จุด บวกเล็กน้อย 0.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,137 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดวานนี้ ได้แก่ กลุ่มกระดาศ +3.90%, กลุ่มเหมืองแร่ +3.40% และกลุ่ม ICT +1.06% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร -0.44%, กลุ่มพลังงาน -0.11% และกลุ่มท่องเที่ยว +0.64%
SET INDEX ระยะสั้น แกว่งไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,420/25 จุด
คาดวันนี้หุ้นขนาดกลางจะขยับเด่นกว่าหุ้นหลัก
กลยุทธ์การลงทุน ซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดกางที่ยัง Laggard
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ (7.28 น) ตลาดหุ้น Nikkei เปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่าดุลการค้าเดือนมี.ค.จะออกมาแย่กว่าคาด ส่วน Kospi เปิดลบเล็กน้อยเท่านั้น
MBKET คงน้ำหนักการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 20 คงภาพ Sideways-to-Sideways-Up เพื่อขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,420/25 จุด ในช่วงสั้นๆ นี้ แต่ MBKET เชื่อว่าจะยังไม่ผ่านในรอบนี้ เพราะปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังไม่รองรับ ณ ระดับ 1,420-1,430 จุด คิดเป็น PER14 ที่สูง 13.50x อีกทั้ง Technical Chart ส่งสัญญาณพร้อมปรับฐานลงเพื่อสร้างฐานใหม่
ดังนั้น การเก็งกำไรในรอบสั้นจากนี้ ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น นักลงทุนควรจำกัดวงเงิน และ เลือกหุ้นขนาดกลาง ที่มีความเป็น Laggard / Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มเป็นเป้าหมายสำคัญ ขณะที่หุ้นหลักที่แนะนำมาก่อนหน้านี้ อาจพิจารณาขายทำกำไร มากขึ้น บริเวณใกล้ 1,420 จุด +/-
ปัจจัยที่ทำให้ SET INDEX ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทยในรอบนี้ เนื่องจาก
ปัจจัยต่างประเทศ ส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ได้แก่
ECB ส่งสัญญาณพร้อมพิจารณาโครงการ QE เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อต่ำ และการว่างงานสูง ซึ่งตลาดคาดภายในเดือนมิ.ย.นี้ ECB จะเริ่มโครงการ QE
BoJ ยังคงวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ Yen270 ล้านล้าน/ปี แต่พร้อมปรับเปลี่ยนวงเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจในแต่ละช่วง ซึ่ง BoJ จะมีการประชุมอีกครั้งในปลายเดือนเม.ย.นี้
FOMC ประชุมวันที่ 28-29 เม.ย.นี้ อาจพิจารณาคงวงเงิน QE ที่ US$5.5 หมื่นล้าน/เดือน หลังตัวเลขการจ้างงานเริ่มชะลอโมเมนตัมเชิงบวก
จีน อาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลด RRR ลง เพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีขึ้น
ความเสี่ยงทางการเมืองภายในประเทศ เชื่อว่าได้ผ่านจุดวิกฤติไปแล้ว เพียงแต่รอพัฒนาการทั้งจาก กกต. / ศาลฯ / ปปช. น่าจะเห็นภาพชัดในช่วงปลายเดือนนี้หรือ ต้นเดือนพ.ค.
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. ผลตอบแทนพันธบัตรไทยทรงตัวในระดับต่ำ: ผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี วันศุกร์ ปิดที่ 3.628% เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 0.02bps แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำสุดในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ย่อมเป็นบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อื่นๆ ของไทย รวมถึง ตลาดหุ้นไทย
2. ประเด็นการเมืองมีแนวโน้มเลื่อนเวลาตัดสินออกไปเป็นต้นเดือนพ.ค.
กรณี จำนำข้าว ปปช. ส่งสัญญาณสรุปสำนวนสิ้นเดือนเม.ย.หรือต้นเดือนพ.ค.
กรณี การโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนสี ศาล รัฐธรรมนูญ จะพิจารณายืดเวลาการเข้าชี้แจงของนายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 23 เม.ย. หากเลือนออกไป คาดว่าจะเป็นปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนพ.ค.
การเลือกตั้ง คาดว่า การประชุม กกต. ร่วมกับพรรคการเมือง จะได้ข้อสรุปในกรอบเวลาอีกไม่ต่ำกว่า 2-4 สัปดาห์
3. YTD ต่างชาติ ขายสุทธิตลาดหุ้นไทย – KOSPI เท่านั้น: หากพิจารณาจากยอดสุทธินับตั้งแต่ต้นปีถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่า มีเพียง
ตลาดหุ้นไทย – KOSPI เท่านั้นที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ ตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียเกิดใหม่ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิทั้งสิ้น
KOSPI: -US$52 ล้าน
SET: -US$354 ล้าน
MBKET เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะยังคงให้ความสนใจกับตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง หากประเด็นการเมืองภายในประเทศ ผ่านจุดวิกฤติไปแล้วในช่วงปลายปีที่ผ่านมา พร้อมกับ เศรษฐกิจที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเช่นกันใน 1Q57
4. การประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของหุ้นที่มีประเด็นน่าสนใจ เช่น GOLD (21 เม.ย) / TRUE – SPCG (25 เม.ย.)
5. วันนี้ตลาดหุ้นฮ่องกง และ ยุโรป ปิดทำการ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1. GOLD : ราคาปิด 7.40 บาท ราคาเหมาะสม 8.90 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น โดย GOLD จะมีการจัดประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นในวันนี้ ช่วง 14.00 น. เพื่อขออนุมัติขายที่ดินแปลงใหญ่ที่รามคำแหงในราคา 980 ล้านบาท และหากโหวตผ่านจะส่งผลให้บริษัทสามารถบันทึกกำไรพิเศษได้ราว 270 ล้านบาท ใน 2Q57
b) คาดผลประกอบการ 1Q57 จะพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิ +/- เล็กน้อย ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ไตรมาส หลังบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหารตั้งแต่ 2H56 ที่ผ่านมา และหันมาจับตลาดระดับกลาง – บน จากเดิมที่เน้นเพียงตลาดบนเป็นหลัก และตลาดตอบรับเชิงบวกจากยอด Presales ใน 1Q57 ที่ออกมาดีกว่าคาด
c) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีสัดส่วนรายได้สูงจากโครงการแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ที่ Demand ยังแข็งแกร่ง และเริ่มเห็นการไต่ระดับขึ้นของยอด Presales ทั้ง yoy และ qoq ใน 1Q57
d) เราคาดว่าผลประกอบการปี 2557 จะพลิกเป็นกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ 370 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 454 ล้านบาทในปี 2556 ที่ผ่านมา และมี Upside Risk ของการจัดตั้งกองทุน REIT อาคารสารทรสแควร์ที่ยังไม่รวมอยู่ในประมาณการของเรา
2. BLAND : ราคาปิด 1.63 บาท ราคาเหมาะสม 2.80 บาท
a) MBKET เชื่อว่าราคาหุ้น BLAND จะ Outperform ตลาดได้ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน เม.ย. จากปัจจัยบวกคือการจัดตั้งกองทุน REIT ที่คาดว่าจะมีความคืบหน้าใน 2Q57
b) และส่งผลบวกโดยตรงต่อปัจจัยพื้นฐานของ BLAND โดยคาดว่าบริษัทได้รับเงินสดสุทธิเข้ามาถึง 8,000 ล้านบาท (0.38 บาท / หุ้น) และมีกำไรพิเศษราว 3,000 ล้านบาท (0.14 บาท / หุ้น) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทที่จะเปลี่ยนเป็นเชิงรุกตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป
c) ราคาหุ้นยัง Laggard โดย YTD หุ้น BLAND ปรับตัวขึ้นเพียง +5.8% เทียบกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ +14.2% และ SET INDEX +8.5%
d) คาดกำไรสุทธิ 4Q56 (ม.ค. – มี.ค.) จะเติบโตสูง yoy เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้โครงการคอนโดมีเนียม Double Lake จะมีกำไรพิเศษคดีหมดอายุความของหุ้นกู้ต่างประเทศมูลค่า 3,800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยบันทึกกำไรพิเศษใน 4Q56 และ 1Q57 ราวไตรมาสละ 1,500 – 2,000 ล้านบาท
e) ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 2.26 บาท และคาดการณ์เงินปันผลปี 2556 หุ้นละ 0.03 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 2%
*** บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด มีธุรกิจกับบริษัทในเครือหรือบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND)
What will DJIA move tonight?
คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
ข่าวเด่น