กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปรับฐานลงปิดลบ 14.51 จุด มาอยู่ที่ 1,408.16 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,039 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 921 ล้านบาท แต่กลับมา Short สุทธิใน index futures อีกครั้ง 1,326 สัญญา และกลับมาขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 791 ล้านบาท สะท้อนกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในไทยช่วงสั้นนี้เป็นกลางๆ
ทิศทาง SET INDEX วันนี้ แกว่งในกรอบแคบมากขึ้นระหว่าง 1,405-1,415 จุด แม้ว่า DJIA คืนวันศุกร์จะปรับตัวลงแรงถึง 140.19 จุด ต่อกรณีความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ตาม แต่ปัจจัยดังกล่าว อาจทำให้เงินทุนไหลออกจากประเทศพัฒนาแล้ว (DM) เข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ (EM) ในเอเชีย เพื่อปิดความเสี่ยง
วันนี้ติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนมี.ค. Bloomberg consensus คาด -1.2% yoy เทียบกับเดือนก.พ.ที่ +2.43% yoy ทั้งนี้ MBKET เชื่อว่าการส่งออกของไทยจะฟื้นตัวเป็นเดือนที่ 2 จากการเร่งระบายข้าวของรัฐบาล เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าจำนำข้าวของชาวนา
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา MBKET แนะนำให้นักลงทุน ทยอยขายทำกำไรในหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และ ICT และกลับเข้าเก็งกำไรแบบจำกัดวงเงินในหุ้นขนาดกลางแทน ภาพกลยุทธ์ช่วงสั้นยังคงเหมือนเดิม
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” IVL / TRUE
Portfolio
Top Pick in 2Q14: SAMART / SPCG / GOLD
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART
Speculative Buy: IVL/ TRUE
Technical View
แนวรับ 1400 +/- และ 1380 +/- จุด แนวต้าน 1415 +/- และ 1425 +/- จุด หลุดแนว 1410 เกิดภาพเชิงลบระยะสั้น
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปรับฐานลงแต่ยังปิดยืนเหนือ 1,400 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียวันศุกร์ที่ผ่านมา ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ จากแรงขายทำกำไรระหว่างสัปดาห์ นำโดย TAIEX -1.92% และ HSKI -1.50%
ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ เผชิญกับแรงขายทำกำไรระยะสัปดาห์อย่างหนาแน่น โดยเฉพาะหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และ ICT เช่น KBANK, SCB, ADVANC, DTAC รวมถึง SCC กดดันให้ SET INDEX หลุดแนว 1,420 จุด ลงมาแกว่งในกรอบแคบ 1,410-1,415 จุด ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบเป็นวันที่ 2 อีก 14.51 จุด มาอยู่ที่ 1,408.16 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,039 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดลบแรงสุด ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -2.58%, กลุ่ม Packaging -2.20% และกลุ่มยานยนต์ -2.04% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร -0.97%, กลุ่มพลังงาน -0.77% และกลุ่ม ICT -1.47%
SET INDEX วันนี้ลุ้นเกิด Technical Rebound สู่ 1,415-1,420 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เน้นเก็งกำไรรายตัวเป็นหลัก
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ (7.27 น) ตลาดหุ้น Nikkei เปิดลบแรง 0.93% ขณะที่ Kospi เปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่า DJIA คืนวันศุกร์ปิดลบ 140.19 จุดก็ตาม
MBKET คงน้ำหนักการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 25 แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมในการลงทุนวันนี้จะกดดัน SET INDEX ไม่ว่าจะเป็น DJIA ที่ปิดลบ 140.19 จุด หรือ ความตึงเครียดในยูเครน แต่ SET INDEX ได้ปรับตัวลงไปแรงในวันศุกร์แล้ว บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติยังคงอยู่กับตลาดหุ้นไทย และ Technical Chart ส่งสัญญาณฟื้นตัว หากแนวรับ 1,405-1,406 จุด ยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง
หุ้น Big cap ในกลุ่มหลักโดยเฉพาะ กลุ่มธนาคาร และ กลุ่ม ICT ปรับฐานลงตลอดปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับที่ MBKET ประเมินไว้ก่อนหน้าเช่นกัน ขณะที่ปัจจัยบวกในช่วงสั้นและถือเป็นตัวแปรสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยใน 2H57 คือ
“ท่าทีของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินหน้าหารือแนวทางการปฎิรูปการเมือง พร้อมเข้าหารือกับนายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ รวมถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ โดยจัดให้มีการถ่ายทอดสด”
ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกทางการเมือง ที่จะพัฒนาไปสู่ทางออกทางการเมือง แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ทั้ง นปช. และ กปปส. ต้องการก็ตาม แต่การเจรจาหารือ ย่อมเป็นทางออกที่น่าสนใจ แม้ว่าจะมีประเด็นเสี่ยงทางด้านยุติธรรม คือกรณีการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนสี ในช่วงสัปดาห์หน้าก็ตาม
ประเด็นบวกช่วงสั้นได้แก่
ปัจจัยต่างประเทศ ส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ได้แก่
ECB เป็นครั้งที่ 2 ที่ส่งสัญญาณพร้อมอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินส่วนเกิน หรือ QE เมื่ออัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะทรงตัวในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
BoJ จับตากการประชุมวันที่ 30 เม.ย. นี้ว่าจะพิจารณาเพิ่มวงเงิน QE จากปัจจุบันที่ Yen7.0 แสนล้านเยน/ปี หรือไม่
FOMC ประชุมวันที่ 29-30 เม.ย.นี้ อาจพิจารณาคงวงเงิน QE ที่ US$5.5 หมื่นล้าน/เดือน หลังตัวเลขการจ้างงานเริ่มชะลอโมเมนตัมเชิงบวก
จีน อาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ล่าสุดธนาคารกลางจีน ประกาศลด RRR ของธนาคารท้องถิ่นบางแห่ง
ประเด็นการเมืองภายในประเทศ MBKET กลับมาให้น้ำหนักกับ โอกาสเปิดการเจรจาระหว่าง หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ และ นายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ รวมถึง อดีต นายกฯ ทักษิณ อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้ หรือ ก่อนการวินิจฉัย กรณี การโยกย้าย นายถวิล ในสัปดาห์หน้า
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. ติดตามตัวเลขการส่งออก-นำเข้าของไทย: วันนี้กระทรวงพาณิชย์จะรายงานตัวเลขการส่งออก – นำเข้าเดือนก.พ. ถือเป็นตัวแปรสำคัญ ต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยใน 2Q57 ว่าจะฟื้นตัว qoq ได้หรือไม่
การส่งออก เดือนมี.ค. Bloomberg consensus คาดการณ์ -1.2% yoy จากเดือนก.พ. +2.43% yoy แต่ MBKET คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวเป็นเดือนที่ 2 จากการเร่งระบายข้าวของรัฐบาล เพื่อนำเงินมาชำระค่าจำนำข้าวของชาวนา
การนำเข้าเดือนมี.ค. Bloomberg consensus คาด -11.2% yoy เทียบกับเดือนก.พ.ที่ -16.62% yoy
2. ประเด็นยูเครน เป็นเพียงจิตวิทยา: นักลงทุนทั่วโลกต่างกังวลกับประเด็นยูเครน – รัสเซีย หลัง G-7 สรุปความเห็นร่วมกันที่จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังรัสเซีย ไม่ปฎิบัติตามคำเรียกร้องของ G-7 ที่ต้องการให้งดการช่วยเหลือกลุ่มที่สนับสนุนรัสเซียในยูเครนตะวันออก อย่างไรก็ตาม ประเด็นการคว่ำบาตรนั้น ก็ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม
3. ท่าทีของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มีน้ำหนัก: หลังเสนอแนวความคิดการปฎิรูปการเมือง ด้วยการเริ่มเดินสายหารือกับหน่วยงาน และ องค์กรอิสระ อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. จากก่อนหน้าที่วางตัวเป็นกลาง ไม่แสดงท่าที ที่ชัดเจน เท่า ณ ปัจจุบัน
MBKET ให้น้ำหนักกับประเด็นนี้ค่อนข้างมาก เพราะหากประเด็นนี้พัฒนาการไปสู่การเลือกตั้งในท้ายที่สุดแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะลงสมัครเลือกตั้ง เช่นกัน ความขัดแย้งทางการเมือง และแนวทางการปฎิรูปการเมือง ย่อมมีพัฒนาการในเชิงบวกตามมา แม้ว่าจะไม่ใช่แนวทางที่สุดขั้ว แต่ถือว่าเป็นการนับหนึ่ง เริ่มต้น กันอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1. TRUE : ราคาปิด 6.60 บาท ราคาเหมาะสม 12.70 บาท
a) ราคาหุ้น TRUE ปรับตัวลงถึง -5.7% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา จากความกังวลต่อประเด็นข่าวเพิ่มทุน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดพลาดว่าเป็น 1 ในวาระที่จะพิจารณาในการประชุมผู้ถือหุ้น
b) เนื่องจาก หลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้ถือหุ้นและบริษัทได้แจ้งตลาดแล้วในช่วงค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยผู้ถือหุ้นโหวตผ่านวาระการประชุมทั้ง 8 วาระ ซึ่งไม่มีวาระการเพิ่มทุนแต่อย่างใด
c) ดังนั้น เราคาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสดีดกลับได้ในวันนี้ และคาดว่าผลประกอบการ 1Q57 จะมีผลขาดทุนลดลง qoq จากค่าใช้จ่ายที่ลดลง และส่งผลให้ EBITDA ใน 1Q57 เพิ่มขึ้น +36% qoq กลับมายืนเหนือระดับ 4,000 ล้านบาท ได้ในรอบ 3 ไตรมาส
d) และผลประกอบการ 2Q57 มีโอกาสพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ หากสามารถโอนเสาโทรคมนาคมไปยัง TRUEIF ได้ทัน และคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทบันทึกกำไรพิเศษได้ราว 2-3 พันล้านบาท
e) แผนการเพิ่มทุนให้กับพันธมิตรต่างชาติจะเป็นปัจจัยบวกให้ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น หลังผู้ถือหุ้นมีมติโหวตผ่านเพื่อแก้ไขข้อบังคับการถือหุ้นต่างด้าวแล้วในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยบริษัทคาดว่าจะขายหุ้นเพิ่มทุนสัดส่วนไม่เกิน 25% ให้กับนักลงทุนต่างชาติได้ในปี 2557
2. IVL : ราคาปิด 22.90 บาท ราคาเหมาะสม 24.50 บาท
a) MBKET คาดว่าผลประกอบการ 1Q57 จะพลิกเป็นกำไรสุทธิ 445 ล้านบาท เทียบกับ 4Q56 ที่ขาดทุนสุทธิ 469 ล้านบาท และหากไม่รวมผลขาดทุนจากสต็อกที่สูงถึง 1,100 ล้านบาท เราคาดว่ากำไรปกติ 1Q57 จะเพิ่มขึ้นทั้ง yoy และ qoq เป็น 1.4- 1.5 พันล้านบาท
b) คาดกำไรปกติ 2Q57 เติบโตต่อเนื่อง qoq จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และส่วนต่างราคา PET, PTA ที่ปรับตัวขึ้น นอกจากนั้น คาดว่าจะไม่มีผลขาดทุนสต็อกเช่นเดียวกับ 1Q57 จึงคาดว่าผลประกอบการ 2Q57 จะเห็นการเติบโต qoq ทั้งกำไรปกติและกำไรสุทธิ
c) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกจากแผนเข้าซื้อกิจการ โดยคาดว่าจะประกาศเข้าซื้อกิจการได้ในเดือน พ.ค.อีก 1 รายการ และ 3Q57 อีก 1 รายการ และส่งผลบวกต่อกำลังการผลิต PET ให้เพิ่มขึ้น
d) เราเชื่อว่าผลประกอบการของ IVL ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วในปี 2556 ที่ผ่านมา และปี 2557 คาดว่าจะพลิกเป็นกำไรปกติ 3,511 ล้านบาท จากผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 875 ล้านบาทในปีก่อนหน้า
e) นอกจากนั้น การไต่ระดับขึ้นของราคาฝ้ายเป็น US$0.93/ปอนด์ หรือ +0.62% dod
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา และยืนเหนือระดับ US$0.90/ปอนด์ได้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. เป็น Sentiment เชิงบวกต่อการ Trading หุ้น IVL
What will DJIA move tonight?
คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านรอปิดการขาย
ข่าวเด่น