นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว.อุตรดิตถ์ ว่าที่รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เปิดเผยว่าหลังจากหารือกับรัฐบาลและรัฐบาลยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่ง โดยอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ที่ต้องอยู่ปฏิบัติต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ หากลาออกไปจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อย่างไรก็ตาม วุฒิสภาจะหาแนวทางตั้งรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มตามแนวทางรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตยต่อไป และขอยืนยันว่าการที่วุฒิสภายังไม่ได้แนวทางชัดเจน ไม่ใช่การกั๊ก หรือหลอกให้ กปปส.อกหักซ้ำสอง
ด้าน นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา ในฐานะโฆษกคณะทำงานวุฒิสภา กล่าวว่า ที่ประชุมมอบหมายให้ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา และคณะทำงานพิจารณาดำเนินการตามแผน 2 และแผน 3 ต่อไป คือ การขอเปิดประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ หรือการนำรายชื่อนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ โดยจะดำเนินการตามสถานการณ์
ส่วน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ยอมรับว่าแม้รัฐบาลยังมีอำนาจเต็มในการทูลเกล้าฯ ถวายขอเปิดประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ แต่หากรัฐบาลไม่ให้ความร่วมมือ วุฒิสภาก็จำเป็นต้องดำเนินการเองตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา และภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวหารือกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เกี่ยวกับการรับสนองพระบรมราชโองการแทน
“ขอเรียกร้องทุกฝ่ายไม่ให้กำหนดกรอบระยะเวลาการทำงานของวุฒิสภา แต่ยืนยันจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุด โดยวันพรุ่งนี้ (19 พ.ค.) คณะทำงานประสานองค์กรจะสรุปรายงานเพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป และจะดำเนินการให้ได้ข้อสรุปให้ทันต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในขณะนี้ ซึ่งทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย และขอรัฐบาลในฐานะกำกับดูแลการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังออกหมายเรียกให้นายสุรชัย เข้าให้ข้อมูลในฐานะพยานคดีกล่าวหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ฐานเป็นกบฏ แต่กลับมีข่าวว่าเป็นการออกหมายจับ ซึ่งทำให้วุฒิสภาเสื่อมเสีย และเข้าข่ายข่มขู่ ส.ว.ในการหาทางออกประเทศ ไม่เป็นธรรม ในช่วงเวลานี้ขอให้หน่วยงานความมั่นคงเข้ามาดูแลการชุมนุมของสองฝ่าย"นายสมชายกล่าว
ข่าวเด่น