ตลาดหุ้นต่างประเทศทั้งสหรัฐและยุโรป ปิดตลาดเมื่อคืน(3 มิ.ย.) ดัชนีลดลง โดยดาวโจนส์ ปิดที่ 16,722.34 จุด ลดลง 21.29 จุด หรือ -0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,234.08 จุด ลดลง 3.12 จุด หรือ -0.07% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,924.24 จุด ลดลง 0.73 จุด หรือ -0.04% ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 343.48 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,503.69 จุด ลดลง 12.20 จุด หรือ -0.27% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,919.74 จุด ลดลง 30.38 จุด หรือ -0.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,836.30 จุด ลดลง 27.80 จุด หรือ -0.41%
โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขาย หลังดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ทะยานขึ้นขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระดับใหม่ในวันจันทร์ จากแรงหนุนข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงรายงานของมาร์กิตที่ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 56.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จาก 55.4 ในเดือนเม.ย.และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 55.4 จาก 54.9 ในเดือนเม.ย.ซึ่งส่งสัญญาณถึงการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย เนื่องจากไม่มั่นใจแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในยูโรโซน หลังยูโรสแตทรายงาน อัตราเงินเฟ้อของประเทศกลุ่มยูโรโซน ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 0.5% ในเดือนพ.ค.จากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 0.7% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 0.6%
นักวิเคราะห์คาดว่า อีซีบีอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 5 มิ.ย.นี้ และอาจจะพิจารณาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญกับเงินเฟ้อที่อยู่ระดับต่ำ ค่าเงินที่แข็งแกร่งจนเกินไป รวมทั้งการขยายตัวที่ชะลอตัว
ข่าวเด่น