ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นอเมริกาและยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งมีข่าวว่ารัสเซียจะตัดการลำเลียงก๊าซให้กับยูเครนแล้วในวันนี้ รวมถึงกังวลสถานการณ์รุนแรงในอิรัก ที่ล่าสุด รมว.กลาโหมสหรัฐได้สั่งการให้เรือรบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกไปยังอ่าวเปอร์เซีย และยังได้เพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยที่สถานทูตสหรัฐในกรุงแบกแดดรวมทั้งอพยพเจ้าหน้าที่บางส่วน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับปัจจัยบวกที่ดันดัชนีให้มาปิดตลาดบวกได้ จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวดีขึี้น จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนมิ.ย.ยังคงปรับตัวขึ้นแตะ 19.28 หลังจากพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.01 ในเดือนพ.ค. ซึ่งแสดงถึงกิจกรรมภาคการผลิตในนิวยอร์กที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง นอกจากนี้ เฟดยังรายงานอีกว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 0.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 79.1% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐมีการฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากย่ำแย่จากสภาพอากาศที่หนาวรุนแรง
รวมถึงข้อมูลจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ ที่ระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4 จุด แตะ 49 จากระดับ 45 ในเดือนพ.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในปีนี้ แสดงให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐกำลังมีเสถียรภาพ หลังเผชิญสภาพอากาศที่เลวร้ายในช่วงต้นปี และแม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ลงจาก 2.8% สู่ระดับ 2% แต่ยังคงคาดการณ์การเติบโตในปี 2558 ไว้ที่ 3%
ข่าวเด่น