SET แกว่งในทิศทางอ่อนลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยผันผวนในกรอบ 1514-26 ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังกดดันบรรยากาศการลงทุนโดยรวมอยู่ ประกอบกับ นลท.รอดูผลประชุม ECB ต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 1.02 พันลบ. และพลิกมา Short SET50 Index Futures สูงถึง 10,981 สัญญา ยุติการ Long 3 วันติดต่อกัน
ทิศทางตลาดวันนี้ : แกว่งลง ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนเริ่มลามสู่ชาติตะวันตก
หุ้นโลกเมื่อคืน (7 ส.ค.) ร่วงลง แม้จำนวนขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ รายสัปดาห์สิ้นสุด 2 ส.ค. ลดลง 14,000 ราย มาที่ 289,000 รายก็ตาม (vs คาดที่ระดับ 304,000 ราย) เนื่องจากวิตกความขัดแย้งการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ (Geopolitical Risk) มีแนวโน้มลุกลามสู่ชาติตะวันตกมากขึ้น หลังรัสเซียห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์และผลผลิตการเกษตรของหลายปท.เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตร (รัสเซียนำเข้าอาหารเป็นอันดับ 5 ของโลก คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 3% รองจากกลุ่ม EU, สหรัฐฯ, จีน และญี่ปุ่น) ขณะที่ผลประชุม ECB มีมติคงดบ.นโยบายไว้ที่ 0.15% และดบ.เงินฝากที่ -0.10% ตามคาด และ ปธ.ECB ยังระบุการฟื้นตัวของศก.ยุโรปยังกระท่อนกระแท่น ทำให้ต้องใช้นโยบายดบ.ต่ำต่อไป วันนี้ สนช.ประชุมนัดแรกเลือกปธ.และรองปธ. มอง SET แกว่งลงต่อ จากปัจจัยกดดันจากตปท. รวมทั้งสัญญาณกระแสเงินทุนต่างชาติที่เริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ แนวรับแรก 1514-20 และมีโอกาสที่จะร่วงทดสอบแนวรับถัดไปแถว 1500+/- แนวต้าน 1526-32 อนึ่ง คาดหุ้น ADAM, AJD, IFEC, SLC ติด Cash Balance เย็นนี้
กลยุทธ์การลงทุน : ขึ้นเป็นจังหวะขายลดพอร์ต เทรดสั้นต้องรับความเสี่ยงได้สูง
เรายังมองหุ้นไทย 1-2 เดือนข้างหน้านี้ (ส.ค. - ก.ย.) อยู่ในช่วงของการปรับฐาน จาก (1) การประเมินมูลค่าหุ้นทั่วโลกตึงตัว เสี่ยงถูกขายทำกำไรระยะสั้นมากขึ้น (2) Foreign Funds Flow เริ่มสะดุดและมีโอกาสพลิกมาเป็นไหลออก (ชั่วคราว) จาก Geopolitical Risk ที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนการดำเนินนโยบายการเงินของ FED เชื่อว่าการประชุมเดือน ก.ย. เป็นสิ่งต้องจับตามากๆ (3) เชื่อว่าการทำงานของ คสช. จะไม่มีความคืบหน้ามากนักในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า เพราะหลังมีรธน.ปกครองปท.ชั่วคราว หน้าที่สำคัญหลายอย่าง อาทิ กระบวนการสรรหานายกฯ, การพิจารณากฎหมายต่าง ๆ, การตั้งคณะกรรมธิการยกร่างรธน.ฉบับถาวร และการตั้งสภาปฏิรูปประเทศ (สปช.) จะตกอยู่ในมือของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งมีขั้นตอนทางรัฐสภา ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควร ทั้งนี้ เรามอง SET ที่ระดับ 1460-80 จึงน่าเริ่มทยอยสะสม หุ้นที่แนวโน้มกำไรจะเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง (กำไร 2H > 1H) และราคาหุ้นมีความเสี่ยง (Downside Risk) ในการปรับตัวลงน้อย แม้ภาวะตลาดอยู่ในช่วงปรับฐานก็ตาม เนื่องจากราคาหุ้นค่อนข้างนิ่ง/ไม่ขยับขึ้นมากในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ หุ้นเด่น (Top picks) สำหรับเดือน ส.ค. คือ BCP, CENTEL, HEMRAJ, LH, SIM, TTA สำหรับการเทรดดิ้งสั้น เรามองหุ้นที่น่าจะเป็นเป้าหมายกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่กำลังเสนอขาย 6 กอง น่าสนใจ แนะนำ SCC, LH, CENTEL, STEC, WHA (จะปิดธีมการลงทุน โดยใช้ราคาปิดวันนี้) รัสเซียห้ามนำเข้าอาหารในหลายปท. น่าจะส่งผลดีต่อ CPF, GFPT
หุ้นเด่นรายวัน : TTA
TTA – ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยวานนี้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 765 จุด (+6 จุด 4 วันติด) สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เรมองแนวโน้ม BDI ปรับขึ้นต่อ เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลขนส่งถ่านหินที่มักทำให้ BDI ปรับขึ้นในเดือน ส.ค. – ต.ค. มองการดำเนินงาน 2Q57F จะพลิกมามีกำไรราว 180 ลบ. จากที่ขาดทุน YoY จากการดำเนินงานของเมอร์เมดที่ดีขึ้น เตรียมนำบริษัทลูกเข้าตลท. Q4 มูลค่าเหมาะสม 25.5 บ. (CONSENSUS) ?
ปัจจัยติดตาม
7-8 ส.ค. JP ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
8 ส.ค. JP-CH ดุลการค้าและบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นใน มิ.ย., ส่งออก-นำเข้า และดุลการค้าของจีนใน ก.ค.
GE ตัวเลขส่งออก-นำเข้า, ดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดของเยอรมันในเดือน มิ.ย.
ข่าวเด่น