|
|
|
|
|
|
กลยุทธ์วันนี้ Sell into Strength
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังไม่ผ่าน 1,570 จุด ปิดที่ 1,568.60 จุด บวกเป็นวันที่ 3 อีก 3.25 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,377 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติยังไม่ชัดเจน แม้ว่านักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 846 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เพียง 44 สัญญา แต่กลับมาขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 1,823 ล้านบาท
ทิศทางการลงทุนในวันนี้ MBKET คาดว่า SET INDEX จะแกว่งตัวขึ้นทดสอบและปิดยืนเหนือ 1,570 จุดในวันนี้ ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่แกว่งแคบ รอผลการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งต่างคาดการณ์ว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ออกมา คล้ายกับการออกโครงการ QE ของเฟด
อย่างไรก็ตาม สัญญาณเสี่ยงภายในตลาดหุ้นไทยเริ่มมีมากขึ้น ดังจะเห็นได้จาก มูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง ไม่เกิน 4.5 หมื่นล้านบาท/วัน หุ้นใน MAI กลับมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นติดสูงสุด 20 อันดับแรกในช่วง 4-5 วันทำการที่ผ่านมา อีกทั้งกองทุน Trigger funds เริ่มใกล้แตะระดับเป้าหมายมากขึ้นมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 3.0 พันล้านบาท อาจกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ SET INDEX ผันผวนในช่วงนี้
คืนนี้ติดตามการจ้างงานเอกชนสหรัฐฯ และ รายงาน Beige Book เพื่อประเมินมุมมองต่อโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในกลางปีหน้า
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ MBKET แนะนำให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไรบริเวณ 1,570 จุดหรือสูงกว่า และถือเงินสดมากขึ้น หากจะมีการเก็งกำไรขอให้จำกัดวงเงินมากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AAV
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: AAV
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,570 จุด
SET INDEX วันนี้ คาดทดสอบและมีแนวโน้มปิดยืนเหนือ 1,570 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายยังคงเบาบาง เป็นสัญญาณความเปราะบางของตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
ดังนั้นกลยุทธ์ ทยอยขายทำกำไรบริเวณ 1,570 จุดหรือสูงกว่า และกลับมาถือเงินสดให้มากขึ้นอีกครั้ง
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 มีเพียง TAIEX ที่ปิดลบแรง 1.19% dod ขณะที่ตลาดหุ้นกลุ่ม TIP ปิดบวกทุกตลาด
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX ยังคงมีความพยายามขยับขึ้นทดสอบ 1,570 จุด ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร อย่าง BBL / KBANK รวมถึงหุ้นกลุ่ม PTT ทรงตัวดีขึ้น ทำให้ SET INDEX แกว่งในแดนบวกได้ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย ยังไม่ผ่าน 1,570 จุด ปิดที่ 1,568.60 จุด บวกเป็นวันที่ 3 อีก 3.25 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,377 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกมากที่สุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่ +5.62%, กลุ่ม Professional +5.15% และกลุ่ม Packaging +1.69% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.72% กลุ่มพลังงาน +0.41% และ กลุ่ม ICT -0.07%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.50 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวก ส่วน Kospi เปิดลบ เช่นเดียวกับวันก่อนหน้า เหมือนกับวันก่อนหน้า ทั้งนี้เงินเยนอ่อนค่าแตะระดับ Yen105/US$ เป็นการเอื้อต่อภาคการส่งออกของญี่ปุ่น
MBKET ปรับมุมมองต่อการลงทุนลงเป็น “กลาง” วันแรกในรอบ 15 วันทำการ จากตลอด 14 วันทำการก่อนหน้ามีมุมมองเป็น “กลางถึงบวก” หลังจาก SET INDEX พยายามไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,570 จุดอย่างต่อเนื่อง แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เป็นการส่งสัญญาณถึงความเปราะบาง และความผันผวนต่อการลงทุน ตลาดหุ้นไทยมีมากขึ้น นักลงทุนจึงควรระมัดระวังต่อการลงทุนในช่วงนี้ ด้วยปัจจัยเฉพาะของตลาดหุ้นไทย ได้แก่
• มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเฉลี่ยไม่ถึง 4.5 หมื่นล้านบาท/วัน แม้ว่าจะผ่านช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทยไปแล้วก็ตาม สะท้อนความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางการลงทุนในช่วงสั้นนี้
• มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่ กระจุกตัวในหุ้น MAI ดังจะเห็นได้จาก หุ้นใน MAI มีมูลค่าการซื้อขายติด 20 อันดับแรกในแต่ละวัน เป็นสัญญาณเปราะบางที่น่าจับตามองและให้น้ำหนัก
• กองทุน Trigger funds ราว 3-4 กองทุน ใกล้แตะระดับเป้าหมาย มูลค่า NAV รวมไม่ต่ำกว่า 3.0 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม Downside risk ของ SET INDEX ในช่วง 1-2 วันนี้ยังเป็นไปอย่างจำกัด เพราะนักลงทุนยังถือพอร์ต รอผลการประชุม ECB ในเย็นวันพรุ่งนี้ ต่อการคาดหวังเชิงบวกที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คล้ายกับ QE ออกมา
อีกทั้งพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ระยะที่ 2 ตามที่คสช.ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ได้แก่
o ตารางเวลาด้านรัฐบาล
? วันที่ 25 ส.ค. โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
? วันที่ 30 ส.ค. นายกฯ พล.เอก ประยุทธ์ นำเสนอชื่อ คณะรัฐมนตรี ขึ้นทูลเกล้าฯ
? คาดวันที่ 2-4 ก.ย. นายกฯ และ ครม. เข้าถวายสัตย์ ปฎิญาณ ก่อนเริ่มบริหารประเทศ
? คาดสัปดาห์หน้า นายกฯ จะแถลงนโยบายบริหารประเทศ ต่อ สนช.
? และครึ่งเดือนหลังของเดือนก.ย. นายกฯ แถลงร่างงบประมาณปี 2558 เพื่อขออนุมัติ จากทางสนช.
กรอบเวลาดังกล่าว สอดคล้องกับ กรอบเวลาที่ คสช. เคยชี้แจงไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทันต่อการเริ่มใช้งบประมาณประจำปี 2558 ในวันที่ 1 ต.ค. 2557
o ร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
o การยกเลิกกฎอัยการศึก คาดนายกฯ จะดำเนินการในช่วง 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้ไป ซึ่ง กองทุนบางประเภทถูกจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆ คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนก.ย.
o แผน Roadmap ที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ
? แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาทคาดว่าจะเสนอต่อรมว. คมนาคมในวันที่ 4 ก.ย.
? แผนปฎิรูปพลังงาน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้นนี้ MBKET เสนอให้นักลงทุน พิจารณาขายทำกำไรบริเวณ 1,570 จุดหรือสูงกว่า และกลับมาถือเงินสดให้มากขึ้นอีกครั้ง หลังสัญญาณความเปราะบาง และความผันผวนของตลาดหุ้นไทย เริ่มมีมากขึ้น นักลงทุนควรปิดความเสี่ยงในช่วงสั้นนี้ เพื่อรอกลับเข้าซื้อเก็งกำไรอีกรอบหากเกิดการปรับฐานในช่วงนี้
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. ติดตามการพิจารณาแผนงานด้านเศรษฐกิจที่สำคัญจากนี้ไป
• แผนการลงทุนด้านคมนาคม ในงบประมาณปี 2558 และแผนการลงทุน 8 ปี ของกระทรวงคมนาคม คาดว่า รมว. คมนาคม จะเข้ากระทรวง เพื่อพิจารณาดังกล่าวในวันที่ 4 ต.ค.
• ข้อเสนอการลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ในปี 2557 มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อนำเสนอคือ รมว. กระทรวงการคลังในวันที่ 5 ต.ค.
MBKET มีความเห็นเป็นบวกต่อพัฒนาการดังกล่าว และจะส่งผลบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร ในประเด็นแรก ส่วนประเด็นที่ 2 นั้น กลุ่มโรงแรมจะได้รับประโยชน์ทางตรง ขณะที่กลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ จะได้ประโยชน์ทางอ้อม หุ้น Top Pick ได้แก่ CK / KTB / ERW / AAV
2. จับตาหุ้นขนาดเล็กใน MAI: หากมีการเคลื่อนไหวร้อนแรงอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 วันนี้ อาจเป็นสัญญาณเสี่ยงต่อการภาพตลาดหุ้นไทย เพราะเกิดความเปราะบาง และอาจเป็นปัจจัยที่กระตุ้นทางการอาจออกกฎที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
3. สถานการณ์ในยูเครน ยังทรงตัว: แม้ว่า ผู้นำอียู จะมีข้อสรุปร่วมกันที่จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจการเงิน และ พลังงาน ของรัสเซีย หากสถานการณ์ในยูเครน ไม่ดีขึ้น แต่ผลกระทบทางอ้อมที่จะตามมาคือ ภาพเศรษฐกิจในอียูเอง เพราะจะต้องเสี่ยงต่อการนำเข้าก๊าซจากแหล่งอื่น ที่ไม่ใช่รัสเซีย ซึ่งจะมีต้นทุนที่สูงกว่า ทำให้ภาพรวมของยูเครน ณ ปัจจุบัน เป็นกลาง เพียงแต่มีแรงกดดันทางการเมืองทั้งจากรัสเซีย และ กลุ่มประเทศพันธมิตรของยูเครน
4. คืนนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่
• ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน Bloomberg consensus คาด จ้างงานเพิ่มขึ้น 2.23 แสนตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าที่จ้างเพิ่มขึ้น 2.18 แสนตำแหน่ง
• รายงาน Beige Book ของเฟด ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญ ต่อการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของเฟด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเห็นต่อการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากปัจจุบันที่ 0.25% จะมีโอกาสขึ้นในกลางปีหน้า อย่างที่ตลาดคาดการณ์หรือไม่
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1. AAV : ราคาปิด 4.72 บาท ราคาเหมาะสม 5.20 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบินจะตอบรับเชิงบวก หลังกระทรวงการคลังเตรียมพิจารณามาตรการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมในวันศุกร์นี้ (5 ก.ย.) โดยคาดว่าจะให้นำใบเสร็จค่าใช้จ่ายค่าซื้อแพ็คเกจทัวร์ หรือ ค่าใช้จ่ายห้องพักโรงแรม มาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท ต่อคนต่อปี
b) ดังนั้น เราคาดว่าหากกระทรวงการคลังอนุมัติมาตรการดังกล่าว จะเป็นบวกต่อรายได้ของสายการบินประเภท Low Cost Airline เนื่องจากจะส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีที่เข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว
c) และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดรอบ 8 เดือน เหลือ US$92.88/barrel เป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน เนื่องจากจะส่งผลให้ต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักของสายการบินลดลง ใน 3Q57
d) คาดจะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการในลักษณะ V Shaped ตั้งแต่ 3Q57 เป็นต้นไป และกำไรสุทธิปี 2558 คาดว่าจะเติบโต +240% yoy เป็น 1,671 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มสายการบิน และราคาหุ้นซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 0.86 เท่า
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ รายงานการจ้างงานภาคเอกชน และรายงาน Beige Book
|
บันทึกโดย : Adminวันที่ :
03 ก.ย. 2557 เวลา : 10:53:05
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น