นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเดือนกันยายนนี้ น่าเป็นห่วง จะต้องบริหารจัดการน้ำดีๆ ถ้าบริหารไม่ดีจะแล้งจัด แต่ถ้าเก็บน้ำไว้มากเกินไป และภายหลังเร่งระบายมากเกินไป ก็จะท่วม ฉะนั้นยอมรับว่าเดือนกันยายนค่อนข้างจะบริหารจัดการน้ำลำบาก

อย่างไรก็ตาม จากภาพข้อมูลน้ำฝนที่มีในเดือนกันยายน ภาพจะคล้ายๆ ปี 2538 คือ เดือนกันยายนฝนจะมาก และเดือนตุลาคมจะน้อยลง ฉะนั้นเดือนกันยายนเป็นเดือนที่ต้องเฝ้าระวัง แต่พอพ้นเดือนกันยายน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ก็คลายความกังวลได้ แต่ก็ต้องไปดูสถานการณ์น้ำที่ภาคใต้ต่อ

"สิ่งที่น่ากังวล คือ ร่องความกดอากาศทางภาคเหนือและอีสานตอนบน แต่ร่องลมมรสุมจะลดต่ำลงมาอยู่บริเวณภาคกลางภาคใต้ตอนบน นอกจากนี้ที่ทะเลจีนใต้มีโอกาสเกิดหย่อมความกดอากาศต่ำหรือดีเปรสชั่นที่จะพัดไปที่ไต้หวัน ทำให้ร่องมรสุมรุนแรงขึ้น"นายรอยลกล่าว

นายรอยลกล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวมสถานการณ์น้ำในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ไม่น่าเป็นห่วง แม้จะมีน้ำท่วมเป็นจุดๆ คือ ที่จังหวัดสุโขทัยและชัยภูมิ ส่วนจังหวัดอื่นไม่หนักหนาอะไร และผลจากสุโขทัยที่จะไหลลงมาก็เกิดผลกระทบแคบๆ ไม่ได้เป็นวงกว้าง

ส่วนสถานการณ์น้ำหลากในขณะนี้ ไล่จากนครสวรรค์ขึ้นไปถึงแพร่ พะเยา น้ำเริ่มหลาก แต่ใต้นครสวรรค์เป็นฝนตกในพื้นที่ ซึ่งก็ต้องเร่งระบายออกจากพื้นที่ แต่ถ้าระบายมากไป ประกอบกับเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีน้ำน้อย ถึงเวลาทำการเกษตรจะมีปัญหาอีก

นายรอยลกล่าวเปรียบเทียบสถานการณ์น้ำในขณะนี้กับปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ ว่าแตกต่างกัน เพราะในปี 2554 เกิดจากน้ำหลากในภาคเหนือลงมา และฝนตกในพื้นที่ แต่ครั้งนี้ฝนตกในพื้นที่ของตนเอง ถ้าไปกั้นไม่ปล่อยลงมาก็จะท่วม ฉะนั้นการบริหารจัดการต้องระบายลงแม่น้ำให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้นอาจสร้างประวัติศาสตร์ใหม่

"อย่าคิดว่าตัวเองป้องกัน แต่กลับไปทำให้น้ำท่วมหนักกว่าเดิม"นายรอยลระบุ