ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาล่าสุด(5 ก.ย. 57) ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 4,721 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 35 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 921 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 4,650 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,800 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 438 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 395 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 364 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 38 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 361 ล้านลูกบาศก์เมตร ยังสามารถรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 14,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
สภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา(5 ก.ย.) สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,112 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 4.80 เมตร สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 889 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อน ต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 5.29 เมตร และที่อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 864 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ประมาณ 2.40 เมตร
สำหรับแนวทางในการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อรองรับมือกับน้ำเหนือที่กำลังจะไหลลงสู่ทางตอนล่าง นั้น กรมชลประทานจะใช้ระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา รับน้ำเข้าระบบชลประทาน ตามศักยภาพของคลอง โดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่การเกษตร พร้อมกับควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีระดับสูงขึ้นจากระดับปัจจุบันประมาณ 30 – 50 เซนติเมตร ทั้งนี้ ได้มีการประสานแจ้งข้อมูลไปยังจังหวัดต่างๆ ที่อยู่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกเขตคันกั้นน้ำ ให้เตรียมพร้อมรับมือกับระดับน้ำที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว จึงขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดด้วย
ข่าวเด่น