ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,013.87 จุด ลดลง 97.55 จุด หรือ -0.57% ดัชนีแนสแดค( NASDAQ) ปิดที่ 4,552.29 จุด ลดลง 40.00 จุด หรือ -0.87% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,988.44 จุด ลดลง 13.10 จุด หรือ -0.65%

ตลาดถูกกดดันจากกระแสคาดการณ์ธนาคารกลางสหัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ
          
นอกจากนี้หุ้นกลุ่มธนาคารร่วง อาทิ เจพีมอร์แกน เชส และ โกลด์แมน แซคส์ ตกลง 1.4% และ 1.5% ตามลำดับ ,มอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 2.7% หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่ที่ต้องพึ่งพากองทุนระยะสั้นมากๆ จะต้องเพิ่มความเข้มงวดเรื่องข้อกำหนดเงินทุนมากขึ้น โดยสถาบันการเงินรายใหญ่ต้องมีสภาพคล่องสำรองมากขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ภายใต้กฎระเบียบใหม่ดังกล่าว ธนาคารขนาดใหญ่จะต้องถือครองสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและคุณภาพสูง เช่น เงินที่สำรองไว้กับธนาคารกลาง พันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของภาคเอกชน ในสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่า 10% ของกระแสเงินสดไหลออกสุทธิสำหรับระยะเวลา 30 วันในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ

ส่วนข่าวการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไอโฟนรุ่นใหม่ของบริษัทแอปเปิล    แม้ว่าตลาดจับตาการเปิดตัวผลิตภัณฑ์แต่มีผลต่อตลาดในช่วงแรกเท่านั้นที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับข่าว แต่หลังจากนั้นไม่นานตลาดก็ปรับตัวลงมาอยู่แดนลบ เนื่องจากกระแสการตอบรับแผ่วลง

ด้านสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ ปิดที่ 92.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 99.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2013