+ จากค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ ได้อ่อนตัวตัว โดยถือว่าปรับตัวต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ทำให้ราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายด้วยเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐฯ มีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น กลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนราคาน้ำมันดิบทั้งเวสต์เท็กซัสและเบรนท์
+ รัฐบาลรัสเซียได้ขู่ที่จะส่งกองกำลังทหารเพิ่มมากขึ้นเข้าไปยังเขตไครเมียซึ่งเพิ่งผนวกเข้ากับรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากกองกำลังนาโต้ได้มีการซ้อมรบในประเทศยูเครน ซึ่งทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างชาติพันธมิตรและรัสเซียย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น
+ นอกจากนี้ ลิเบียได้เปิดเผยว่า แหล่งน้ำมันดิบ El Sharara ที่มีกำลังการผลิต 340,000 บาร์เรลต่อวัน อาจต้องลดกำลังการผลิตลงหลังจากพื้นที่ใกล้โรงกลั่น Zawiya ถูกยิงขีปนาวุธจากการสู้รบระหว่างรัฐบาลและกองกำลังติดอาวุธ
- จากการประกาศของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน หรือ API สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรลซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรลซึ่งประกาศโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน หรือ EIA ในวันจันทร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยอดขายร้านค้าสาขาของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง จาก 4% เหลือ 3% นั้นยังแสดงถึงการใช้จ่ายที่ยังคงระมัดระวังตัวของประชาชนในสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานน้ำมันที่มากเกินพอในประเทศประเทศเวียดนาม ถึงแม้ว่าจะมีอุปสงค์ที่ดีจากประเทศอินโดนีเซียก็ตาม
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแรงลงในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบียที่ลดการนำเข้าลงเนื่องจากหมดช่วงฤดูร้อน ในขณะที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังประสบกับฤดูมรสุม
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 90-96 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 96-102 เหรียญฯ
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตามองกลุ่ม OPEC ว่าจะมีมาตรการอย่างไรในการจัดการกับอุปทานน้ำมันดิบที่มีอยู่จำนวนมากในตลาด ขณะที่ลิเบียสามารถผลิตน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศก็ตาม ล่าสุดปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 800,000 บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะผลิตได้ถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ต.ค.นี้
นอกจากนี้แหล่งน้ำมันดิบ Buzzard บริเวณทะเลเหนือ ซึ่งมีกำลังการผลิต 200,000 บาร์เรลต่อวัน ได้กลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง หลังจากปิดซ่อมบำรุงเมื่อปลายเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา
จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 ก.ย. นี้ ซึ่งตลาดมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มที่จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด อาจมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนดในปีหน้า หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตรามากขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
จับตาผลของการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของอีซีบียังไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจของ ยูโรโซนได้
ข่าวเด่น