นางอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า จากการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 3,374 ราย เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ รายได้และโอกาสหางานทำ ในปัจจุบันและในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนสิงหาคม 2557 มีค่า 44.0 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีค่า 41.4 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบเกือบสิบปี และดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) มีค่า 47.8
โดยทั้งนี้ ค่าดัชนีทุกรายการมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะยังต่ำกว่าระดับ 50 ก็ตาม สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ แต่คาดหวังว่าเศรษฐกิจในอนาคตจะดีขึ้นจากการที่บ้านเมืองมีความสงบโดยการบริหารจัดการของ คสช. เริ่มมีแนวทางที่ชัดเจนขึ้น ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของประชาชน นักลงทุน และนักท่องเที่ยว อีกทั้ง การลดราคาน้ำมันขายปลีกเบนซินลงช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายของภาคครัวเรือน แต่ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพและการที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะราคาลำไยและยางพาราที่ต่ำสุดในรอบหลายปี อีกทั้ง เป็นช่วงฤดูฝน มีฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนและกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีแนวโน้มที่แน่นอนในการฟื้นตัว ซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและภาคการส่งออกของไทย
ความคาดหวังที่มีต่อรายได้ในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) มีค่า 50.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 16 เดือน ซึ่งค่าดังกล่าวสูงกว่าที่ระดับ 50 แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อรายได้ในอนาคต เนื่องจากการเข้ามาบริหารประเทศของ คสช.รวมทั้งการวางนโยบายต่างๆและการจัดสรรงบประมาณปี 2558 ที่เป็นไปตามปกติ ส่วนการวางแผนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ/รถยนต์ใน 6 เดือนข้างหน้า ยังอยู่ในระดับที่ไม่มีความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนมีความกังวลในภาวะค่าครองชีพ จากการที่สินค้าทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ
ข่าวเด่น