|
|
|
|
|
|
กลยุทธ์วันนี้ Laggard Play
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งในกรอบแคบ ปิดที่ 1,590.13 จุด บวกเล็กน้อย 0.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,170 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 596 ล้านบาท คงการ Short สุทธิใน Set50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 3,830 สัญญา และกลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ 843 ล้านบาท
เป็นที่น่าสังเกตว่า นักลงทุนต่างชาติ / สถาบันภายในประเทศ / พอร์ตโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิพร้อมกันตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา โดยเฉพาะ นักลงทุน 2 กลุ่มนี้ ย่อมเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อภาวะการลงทุนในหุ้น Big Cap สอดคล้องกับที่ MBKET ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ด้วยการให้น้ำหนักกับหุ้น PTT / ADVANC / INTUCH ซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุน 2 กลุ่มนี้ ทำให้เชื่อได้ว่า SET INDEX ในรอบนี้จะมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบและตีทะลุผ่าน 1,600 จุดขึ้นไป จากเงินทุนต่างชาติ และการประคองระดับ NAV ของกองทุน เพื่อปิดงวด 3Q57 ซึ่งหุ้นเป้าหมายทั้ง 3 นั้น Laggard มากเมื่อเทียบกับ SET INDEX และกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอียูส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน ผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิต / บริการ เปิดโอกาสให้ ECB เริ่มใช้โครงการเข้าซื้อตราสารหนี้ ABS ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจีนวานนี้ ภาวะการจ้างงานเริ่มชะลอตัวชัดเจน น่าจะเป็นประเด็นเสี่ยงที่มีน้ำหนักมากเพียงพอที่รัฐบาลจีน และ/หรือ ธนาคารกลางจีน จะให้น้ำหนักเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะจุดตามมา
ดังนั้น Downside risk จากปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจจีน / อียู จำกัด แต่กลับสร้างโอกาสที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นตามมา กลายเป็นบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ นักลงทุนรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุน เป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” INTUCH/ LPN
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC/ TRUE
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN
Accumulative buy: INTUCH/ LPN
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,590 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปรับฐานลงเป็นวันที่ 3 แม้ว่า HSBC Flash PMI ภาคการผลิตของจีนออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อยก็ตาม แต่เศรษฐกิจในอียูส่อเค้าชะลอตัว กดดันการลงทุนในช่วงบ่าย
ด้านตลาดหุ้นไทย เปิดข้าม 1,590 จุด ขึ้นไปแกว่งเหนือระดับดังกล่าว ผลักดันโดย ADVANC / INTUCH / AOT แต่เมื่อบรรยากาศรอบเอเชียและยุโรป ต่างกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในจีน และ อียู ทำให้เกิดแรงขายลดความเสี่ยงเป็นระยะๆ ส่งผลให้ SET INDEX แกว่ง 1,590 จุด +/- ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย ณ สิ้นวัน SET INDEX ปิดที่ 1,590.13 จุด บวกเพียง 0.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,170 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มกระดาษ +5.50%, กลุ่ม ICT +1.31% และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +1.30% ส่วน กลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.53%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.25% และกลุ่มพลังงาน -0.10%
SET INDEX คาดเปิดยืนเหนือ 1,590 จุด
คงน้ำหนักกับหุ้นหลัก 3 ตัวในรอบนี้ PTT / ADVANC / INTUCH ที่จะผลักดัน SET INDEX ทะลุแนว 1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ถือพอร์ต เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร อาจเลือกเน้นเป็นรายตัว มากขึ้น เช่นเดิม
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.33 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดย่อตัวลงราว 0.3-0.4% ในเช้าวันนี้ แม้ว่า DJIA คืนวานนี้จะปิดลบแรงถึง 0.68% ก็ตาม ภาพรวมตลาดหุ้นในเอเชียวันนี้อาจทรงตัวได้ดีขึ้น หลังปรับฐานต่อเนื่องมาหลายวัน
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “บวก” ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมยืนภาพของ SET INDEX ที่จะมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบ 1,600 จุด หรือสูงกว่า แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศต่างขาดความโดดเด่นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ก็ตาม แต่หากประเมินจากการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ / สถาบันภายในประเทศ / พอร์ตของโบรกเกอร์ พร้อมกัน 2 วันทำการที่ผ่านมา ย่อมเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อมุมมอง SET INDEX ในช่วงนี้
ทั้งนี้ MBKET ได้ประเมินหุ้นหลัก 3 ตัวที่คาดว่าจะเป็นตัวผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นทดสอบและมีโอกาสปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ในรอบนี้ ได้แก่
PTT: จากประเด็นบวกของการปลดล็อกราคาก๊าซ LPG / NGV รมว.พลังงาน ยืนยันปรับราคาสู่ระดับต้นทุนที่แท้จริง เริ่มตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้กำไรของ PTT เพิ่มขึ้นจากประเด็นดังกล่าว ขณะที่การลงทุนของกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ต่าง Underweight หุ้นนี้มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดลักษณะ Underowned มากพอที่จะต้องกลับมาสะสมหุ้น PTT อย่างจริงจัง
ADVANC: หากประเมิน QTD ใน 3Q57 พบว่า ADVANC +1.82% เทียบกับ ICT ที่ +5.09% และ SET INDEX 7.03% ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q57 จะเห็นการฟื้นตัว qoq และ yoy แม้ว่าจะเป็นช่วง Low Season ของผลการดำเนินงาน ADVANC ก็ตาม
INTUCH: เมื่อ ADVANC ฟื้นตัวเด่นในบรรดาหุ้นหลักของกลุ่ม ICT เราเชื่อว่า INTUCH จะขยับขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับ ADVANC อีกทั้ง INTUCH จะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเด่นกว่า ADVANC ขณะที่ราคาหุ้น QTD -2.39%
ส่วนหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / กลุ่มอสังหาฯ จะขึ้นไปในทิศทางเดียวกับ SET INDEX และอาจสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนใกล้เคียงกับภาพรวมของตลาด อีกทั้งหุ้นหลักใน 2 กลุ่มนี้ เชื่อว่าอยู่ในพอร์ตของกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ลักษณะ Overweight มาตลอด 2 ปี
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในจีน และ อียู ที่ส่งสัญญาณเสี่ยงต่อการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวมากยิ่งขึ้น อาจกลายเป็นจุดของการเก็งกำไรต่อโอกาสที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมา
ภาวะการจ้างงานของจีน ส่งสัญญาณชะลอตัว อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้รัฐบาลจีน และ/หรือ ธนาคารกลางจีน ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะจุดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในจีนผ่อนคลายกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยได้
ดัชนี Flash PMI ภาคการผลิตและบริการในอียู ชะลอตัวต่อเนื่อง ย่อมเปิดโอกาสให้ ECB สามารถเริ่มการเข้าซื้อตราสารหนี้ ABS เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ เพื่อกดดันผลตอบแทนจากตราสารหนี้ กระตุ้นการขอสินเชื่อของภาคเอกชนทางอ้อม
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน MBKET คงคำแนะนำ “ถือพอร์ตการลงทุนที่มีอยู่ เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/-“ หากต้องการเก็งกำไรอาจต้องจำกัดวงเงิน และกำหนดเลือกลงทุนเป็นรายหุ้นที่มีประเด็นการลงทุนเฉพาะตัว เพราะ Upside gain ของ SET INDEX เริ่มจำกัด
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. ตัวเลขภาคการผลิตทั่วโลกยังคงอ่อนแอ: วานนี้รายงานตัวเลข Flash PMI ภาคการผลิต ของจีน / อียู / สหรัฐฯ ยังเป็นภาพรวมของการอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอียู กลายเป็นจุดกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงช่วงสั้นนี้
อย่างไรก็ตาม MBKET ประเมินว่า เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก เริ่มอ่อนแอต่อการฟื้นตัว โอกาสที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งจากนโยบายการคลัง และ /หรือ นโยบายการเงิน ย่อมมีตามมา ไม่มากก็น้อย กลายเป็นจุดเก็งกำไรต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอกาสที่ ECB จะเริ่มเข้าซื้อตราสารหนี้ ABS ในตลาดตราสารหนี้จะมีมากขึ้น ทิศทางค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่า เทียบกับเงินยูโร กดดันตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน และ ทองคำ แต่กลับเอื้อต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
ดังนั้นการปรับฐานลงของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงสั้นนี้ จึงเป็นเพียงช่วงสั้นเท่านั้น โอกาสที่ตลาดจะพลิกกลับมามีความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะตามมา
2. สัญญาณเชิงบวกต่อแผนลงทุนคมนาคม 2.4 ล้านล้านบาท: หลังรมว. คลัง ส่งสัญญาณเร่งจัดทำแผนให้เอกชนร่วมลงทุนกับโครงการของภาครัฐ และ รัฐวิสาหกิจ (PPP) ซึ่งจะเป็นช่องทางหนึ่งของการลดภาระหนี้สาธารณะให้แก่รัฐบาล ในการดำเนินการโครงการลงทุนขนาดใหญ่ 8 ปี วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท
MBKET มีความเห็นเป็นบวกต่อแนวทางดังกล่าว เพราะเป็นการส่งสัญญาณถึงความตั้งใจในการเดินหน้าการลงทุนด้านคมนาคม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของประเทศตลอด 8 ปีข้างหน้า ทำให้หุ้นหลักในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ย่อมทรงตัวได้อย่างแข็งแกร่ง เพื่อรอความชัดเจน และตารางเวลาของการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว
3. ติดตามค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ: เช้าวันนี้ เงินบาทเริ่มแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และหากหุ้นหลักในกลุ่ม ICT / ที่อยู่อาศัย / ธนาคาร / PTT ทรงตัวแข็งแกร่ง ย่อมตีความได้ว่า เงินทุนต่างชาติจะยังคงเลือกทยอยสะสมหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1. INTUCH : ราคาปิด 71.50 บาท ราคาเหมาะสม 114.00 บาท
a) MBKET ประเมินหุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่จะได้อานิสงค์บวกจากการเกิด Window Dressing สิ้นไตรมาส 3Q57
b) โดยเห็นได้ชัดจากการปรับตัวขึ้นของ ADVANC ใน 2 วันที่ผ่านมา +5.2% และ INTUCH +2.8% และหากพิจารณาเทียบกับราคาปิดสิ้น 2Q57 ราคาหุ้น INTUCH ยัง -3.1% QTD ดังนั้น คาดว่า INTUCH จะเป็นเป้าหมายในการทำ Window Dressing ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์
c) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์เงินปันผล 2H57 หุ้นละ 2.30 บาทคิดเป็น Dividend Yield ที่ 3.2% และปี 2558 หุ้นละ 5.29 บาท คิดเป็น Dividend Yield 7.4%
d) ราคาหุ้นปัจจุบันมีส่วนลดจาก NAV ของมูลค่าเงินลงทุนใน ADVANC และ THCOM หุ้นละ 89.50 บาท อยู่ถึง 20.1% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ INTUCH จะแกว่งตัวมีส่วนลดจาก NAV ในกรอบ 10 - 20%
2. LPN : ราคาปิด 21.90 บาท ราคาเหมาะสม 26.00 บาท
a) MBKET ประเมินว่า LPN เป็นหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ สำหรับการลงทุนระยะ 3-6 เดือนขึ้นไป
b) เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโตโดดเด่น +43.7% yoy เป็น 3,200 ล้านบาท ขยายตัวสูงที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่ากำไรจะเติบโต +9.2% yoy ในปี 2558
c) จากการรับรู้รายได้ Backlog รอโอนสูงถึง 16,090 ล้านบาท ในปี 2558 หรือคิดเป็น Secured revenue สูงถึง 85% จากประมาณการรายได้ปี 2558 ของเราที่ 18,864 ล้านบาท หรือ +46.6% yoy
d) Valuation ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 10.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที 11 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราวปีละ 5%
What will DJIA move tonight?
คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$529 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$496 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติยังคงสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 596 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 3,063 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 9,333 ล้านบาท
แต่นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 3,830 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 6,331 สัญญา คาดว่าจะเร่งการปิดสถานะที่มีอยู่ใน S50U14 เพราะเหลือเวลาวันซื้อขายเพียง 4 วันจนถึงวันจันทร์ที่ 29 ก.ย.นี้ ส่งผลให้ S50U14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 4 แต่แคบลงเหลือ 0.86 จุด จากวันก่อนหน้า Premium 2.82 จุด
ส่วนตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง 843 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาวขยับขึ้นต่อเนื่อง ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี ลดลงเป็นวันที่ 2 อีก 2.13bps ปิดที่ 2.994% ส่วนอายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 3 อีก 1.44bps ปิดที่ 3.501% |
บันทึกโดย : วันที่ :
24 ก.ย. 2557 เวลา : 10:19:06
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น