ตลาดหุ้นโลกทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปปรับตัวขึ้นแค่วันเดียว ร่วงลงต่อจากปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจที่กดดัน โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 กันยายน 2557) ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลงแรงถึง 264.26 จุด ปิดที่ 16,945.80 จุด หรือเปลี่ยนแปลงลดลง 1.54% , ดัชนี NASDAQ ดิ่งลง 88.47 จุด ปิดที่ 4,466.75 จุด หรือเปลี่ยนแปลงลดลง 1.94% และดัชนี S&P500 ลดลง 32.31 จุด ปิดที่ 1,965.99 จุด หรือเปลี่ยนแปลงลดลง 1.62%
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.9% ปิดที่ 341.44 จุด,ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,355.28 จุด ลบ 58.44 จุด หรือเปลี่ยนแปลงลดลง 1.32% ,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,510.01 จุด ลบ 151.96 จุด หรือเปลี่ยนแปลงลดลง 1.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,639.71 จุด ลบ 66.56 จุด หรือเปลี่ยนแปลงลดลง 0.99%
สำหรับปัจจัยที่กระทบตลาดหุ้นอเมริกาให้ร่วงลงอย่างหนัก เกิดขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนท่ี่ร่วงลง 18.2% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 18% เนื่องจากยอดสั่งซื้อเครื่องบินพลเรือนลดลงอย่างมาก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของภาคการผลิตสหรัฐ
ขณะที่รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 20 กันยายน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12,000 ราย แตะที่ 293,000 ราย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนกันยายนของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 58.5 ลดลงจากเดือนสิงหาคมที่ระดับ 59.5
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในรัสเซีย หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลรัสเซียได้ยื่นร่างกฎหมายต่อรัฐสภาเพื่อขออนุมัติการยึดทรัพย์สินของต่างชาติที่อยู่ในดินแดนรัสเซีย
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปที่ร่วงลงแรงเช่นกัน นอกจากปัจจัยเรื่องรัสเซียแล้ว รวมถึงแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซาจากยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลงแล้ว ปัจจัยหลักยังเกิดจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการที่ผู้ว่าการธนาคารกลางของอังกฤษ "นายมาร์ค คาร์นีย์" ระบุ ธนาคารกลางอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า จากประเด็นค่าจ้างแรงงานที่ปรับตัวสูงขึ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศอังกฤษเป็นไปในทิศทางที่ดี
ข่าวเด่น