SET แกว่งอิงในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ กรอบ 1565-87 โดยไหลลงต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตลาดภาคเช้าจนถึงปิดตลาดภาคบ่าย วิตกการฟื้นตัวของศก.สหภาพยุโรปไม่ต่อเนื่อง หลัง PMI ภาคการผลิตร่วงต่ำสุดรอบ 13 เดือน และความวุ่นวายทางการเมืองในตปท. อาทิ ฮ่องกง กลุ่มรัฐอิสลาม ต่างชาติเทรดไร้ทิศทาง วานนี้พลิกขายสุทธิ 610 ลบ. 

 

ทิศทางตลาดวันนี้: มีเด้ง แต่ไม่น่าเกิน 1575 คสช.-ครม.ถกเลิกอัยการศึก7ต.ค.

หุ้นโลกเมื่อคืน (2 ต.ค.) ซื้อขายผันผวน โดยการซื้อขายช่วงแรก นลท.ผิดหวังปธ.ECB ไม่ชี้ชัดขนาดวงเงินที่จะซื้อตราสารหนี้ประเภท Covered Bonds (จะเริ่มซื้อภายในเดือนนี้) และ ABS (จะเริ่มซื้อภายใน 4Q56) เพียงส่งสัญญาณอาจซื้อน้อยกว่า 1 ล้านล้านยูโรที่เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับลงหนัก 2-4% ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดกลับช่วง 15 นาทีสุดท้ายของการซื้อขาย จนปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง เก็งตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้จะออกมาดีเข้าสู่ภาวะปกติ (คาด +215,000 ตำแหน่งใน ก.ย. vs +142,000 ตำแหน่งใน ส.ค.) ส่วนปัญหาประท้วงในฮ่องกงเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังแกนนำนศ.ตอบรับการเจรจากับรัฐบาลฮ่องกง ด้านปัจจัยในปท. คสช.-ครม.เตรียมหารือยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ใน 7 ต.ค.  มอง SET มีโอกาสรีบาวด์ แต่ไม่น่าเกินแนวต้าน 1575 ระหว่างวันแกว่ง มีแนวรับ 1560-65 ตลาดหุ้นจีนปิดทำการต่อจนถึง 7 ต.ค. ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกง วันนี้กลับมาเปิดทำการตามปกติ  อนึ่ง คาดหุ้น AJD, BGT, CEI, CGD, DNA, MILL, PE, PRECHA, TH, THANA, TPOLY ติด Cash Balance เย็นนี้ (3 ต.ค.) 

 

 กลยุทธ์การลงทุน: ขายถือเงินสดเพิ่ม นิ่ง รอทยอยซื้อที่ SET 1560 ลงมา

SET วันนี้ที่เรามองมีโอกาสดีดกลับ แต่เป็นจังหวะขายลดพอร์ตสำหรับนลท.ที่ยังถือครองหุ้นในสัดส่วนที่สูง  SET ได้ยืนยันขาลงชั่วคราวในระยะสั้นแล้ว หลังร่วงหลุดระดับ 1578 กลยุทธ์หลักเราแนะนำ “Wait & See” รอทยอยซื้อสะสมที่เป้าแถว 1540-60 เพราะเรามองเป็นเพียงการปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ โดย SET มีโอกาสกลับมาวิ่งขึ้นไปทดสอบแถว 1650 ภายในไตรมาส 4/57 และ 1700 ภายในไตรมาส 1/58 (อิงตามตัวแบบความสัมพันธ์ระหว่าง GDP, มูลค่าตลาดรวม และ SET ของเรา) ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก คือ (1) การเร่งตัวของ GDP ไทยนับจากนี้ไปจนถึงไตรมาส 3/58 (2) เม็ดเงิน LTF & RMF ที่คาดว่าจะไหลเข้าในไตรมาส 4/57 ไม่น้อยกว่า 3 หมื่นลบ. (3) โอกาสการยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ (4) โอกาสการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมจากธนาคารกลางสำคัญของโลก อาทิ ECB, BOJ, PBOC ในอนาคต

•หุ้นเทรดดิ้งสั้น (ต้องรับความเสี่ยงได้สูง) (1) หุ้นพื้นฐานลงหนักลุ้นรีบาวด์ – ROBINS (SET50), BMCL (SET100), NCH (non-SET100) (2) การยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ AAV, AOT, CENTEL  (3) หุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อน หลังเงินดอลลาร์ฯ แข็งค่า – GFPT, TUF, BJCHI, STPI (4) หุ้นมีสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิค – BTC 

•TISCO Weekly Stock Guru สัปดาห์นี้ (29 ก.ย. – 3 ต.ค.) แนะนำ MEGA 

•หุ้นเด่น (Top picks) เดือน ต.ค. คือ BCP, BTS, CPN, GFPT, LPN, TUF 

 

หุ้นเด่นรายวัน: ไม่มี

 

3 ต.ค.

JP-CHตัวเลข PMI  ภาคบริการและรวมของญี่ปุ่น, ของจีนใน ก.ย.

EUตัวเลข PMI ภาคบริการและรวมทุกภาคของสหภาพยุโรปใน ก.ย., ยอดค้าปลีกใน ส.ค.

USตัวเลข ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ใน ก.ย., ตัวเลขดุลการค้าของสหรัฐฯ ใน ส.ค.

 USตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ใน ก.ย.

 

6 ต.ค.

GEตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานของเยอรมันในเดือน ส.ค.

 

6-7 ต.ค.

JPประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

 

7 ต.ค.

GEตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันในเดือน ส.ค.