สรุปภาวะตลาดวันก่อน: SET +0.55 จุด รีบาวด์บ่าย ไล่ซื้อช่วง 30 นาทีสุดท้าย
SET แกว่งผันผวนทั้งในแดนบวกและลบ (อิงแดนลบเป็นส่วนใหญ่) กรอบ 1553-73 หลังนลท.ผิดหวังปธ.ECB ไม่ชี้ชัดขนาดวงเงินที่จะซื้อตราสารหนี้ประเภท Covered Bonds (จะเริ่มซื้อภายในเดือนนี้) และ ABS (จะเริ่มซื้อภายใน 4Q56) ต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 2 จำนวน 1.32 พันลบ. และ Short SET50 Index Futures 5,609 สัญญา
ทิศทางตลาดวันนี้: ดีดกลับต่อ ลุ้น BOJ ผ่อนคลายการเงินเพิ่ม-เลิกอัยการศึก
หุ้นโลกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ต.ค.) ดีดกลับทางเทคนิค ขานรับการจ้างงานสหรัฐฯ ก.ย. ดีเกินคาด (จริง +248,000 ตำแหน่ง จาก +142,000 ตำแหน่งใน ส.ค. และคาด +215,000 ตำแหน่ง) ส่งผลให้อัตราการว่างงานสหรัฐฯ ต่ำกว่าระดับ 6% ครั้งแรกในรอบ 6 ปี มอง SET ช่วงต้นสัปดาห์นี้ มีโอกาสรีบาวด์ จาก (1) ลุ้นการประชุม BOJ 6-7 ต.ค. อาจผ่อนคลายการเงินเพิ่ม หลังการฟื้นตัวทางศก.เริ่มสะดุดหลังขึ้น VAT และงบดุลของ BOJ ใกล้แตะระดับเป้าหมาย QE (2) คสช.-ครม.เตรียมหารือยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ใน 7 ต.ค. อย่างไรก็ดี กรอบการรีบาวด์ยังจำกัด ไม่น่ายืน 1580 (แนวต้านหลัก) แล้วมีแนวโน้มปรับฐานลงต่อ จากการประเมินมูลค่าหุ้นทั่วโลกที่ตึงตัว และการปรับพอร์ตหุ้นไทยของนลท.ต่างชาติก่อนหยุดยาวช่วงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ชุมนุมในฮ่องกงที่ตึงเครียดขึ้น หลังทางการฮ่องกงขู่สลายการชุมนุม หากผู้ชุมนุมไม่ยอมคืนพื้นที่ภายในเส้นตายวันนี้ (6 ต.ค.) แนวรับวันนี้ 1560-65 ตลาดหุ้นจีนปิดทำการต่อจนถึง 7 ต.ค. อนึ่ง ตลท.สั่งหุ้น 11 ตัว คือ AJD, BGT, CEI, CGD, DNA, MILL, PE, PRECHA, TH, THANA, TPOLY ติด Cash Balance 6 ต.ค. – 14 พ.ย.
กลยุทธ์การลงทุน: หาจังหวะขายช่วงเด้งกลับ, ยืนยันทยอยซื้อ 1560 ลงมา
เรามองการดีดกลับของราคาหุ้นเป็นจังหวะขายลดพอร์ตสำหรับนลท.ที่ยังถือครองหุ้นในสัดส่วนที่สูง ส่วนนลท.ที่ถือเงินสดเยอะ-หุ้นน้อย เราแนะนำ “Wait & See” รอทยอยซื้อสะสมที่เป้าแถว 1540-60 มอง SET มีโอกาสกลับมาวิ่งขึ้นไปทดสอบแถว 1650 ภายในไตรมาส 4/57 และ 1700 ภายในไตรมาส 1/58 (อิงตามตัวแบบความสัมพันธ์ระหว่าง GDP, มูลค่าตลาดรวม และ SET ของเรา) ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก คือ (1) การเร่งตัวของ GDP ไทยนับจากนี้ไปจนถึงไตรมาส 3/58 (2) เม็ดเงิน LTF & RMF ที่คาดว่าจะไหลเข้าในไตรมาส 4/57 ไม่น้อยกว่า 3 หมื่นลบ. (3) โอกาสการยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ (4) โอกาสการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมจากธนาคารกลางสำคัญของโลก อาทิ ECB, BOJ, PBOC ในอนาคต
•หุ้นเทรดดิ้งสั้น (ต้องรับความเสี่ยงได้สูง) (1) หุ้นเก็งรีบาวด์ – BMCL, BROCK (2) การยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ AAV, AOT, CENTEL (3) หุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อน หลังเงินดอลลาร์ฯ แข็งค่า – GFPT, TUF, BJCHI, STPI (4) หุ้นมีสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิค – MC, TCMC (5) หุ้นหลีกเลี่ยง – หุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี (ESSO, IRPC, TOP, PTTGC, PTTEP, IVL) จากราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง และงบ Q3 ไม่ดี มีขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน
•TISCO Weekly Stock Guru สัปดาห์นี้ (6-10 ต.ค.) แนะนำคงสัดส่วนถือหุ้นเพียง 10% และถือ MEGA ต่อ
•หุ้นเด่น (Top picks) เดือน ต.ค. คือ BCP, BTS, CPN, GFPT, LPN, TUF
หุ้นเด่นรายวัน: MC
MC – มองผลงาน 1H57 เป็นช่วงแย่ที่สุดแล้ว จากการบริโภคภายในปท.ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองภายในปท. อย่างไรก็ดีใน 2H57 คาดกำไรจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากการขยายสาขาต่อเนื่อง (Time Deco, จุดจำหน่าย และ AEC) และแนวโน้มการบริโภคที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกำไรใน 4Q57 จะขึ้นสูงสุดตามฤดูกาลขาย อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการในปท. 1 ราย มูลค่า 500 ลบ. มูลค่าเหมาะสม 22.2 บ. (DCF)
ปัจจัยติดตาม
6 ต.ค.
GEตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานของเยอรมันในเดือน ส.ค.
6-7 ต.ค.
JPประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
7 ต.ค.
THคสช.และครม.นัดหารือยกเลิกกฏอัยการศึก (บางพื้นที่)
GEตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันในเดือน ส.ค.
ข่าวเด่น