สรุปภาวะตลาดวันก่อน: SET -3.74 จุด ปิดต่ำสุดใหม่รอบ 2 เดือน ผิดหวัง BOJ
SET แกว่งผันผวนทั้งแดนบวกและลบในกรอบ 1534-51 โดยปิดตลาด หลุดระดับ 1540 ทำจุดต่ำสุดใหม่รอบ 2 เดือน การปรับลงของตลาดหุ้นไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค ผิดหวัง BOJ ยังไม่ผ่อนคลายการเงินเพิ่ม ต่างชาติพลิกขายสุทธิ 145 ลบ. และ Short SET50 Index Futures 7,953 สัญญา เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน
ทิศทางตลาดวันนี้: แกว่งลง หุ้นทั่วโลก Risk-off วิตกศก.โลกชะลอตัวกว่าคาด
หุ้นโลกเมื่อคืน (7 ต.ค.) ดิ่งหนัก เฉลี่ยร่วงเกือบ 2% วิตกศก.โลกชะลอตัวกว่าคาด หลังศก.ยุโรปมีทิศทางแย่ลงต่อเนื่อง (ผลผลิตอุตฯ เยอรมันหดตัว 4.0% ใน ส.ค. จาก +1.6% ใน ก.ค. เป็นการหดตัวมากสุดรอบ 6 ปี, การขาดดุลงบประมาณฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเป็น 9.41 หมื่นล้านยูโรใน ส.ค. หลังการเก็บรายได้ภาษีพลาดเป้า เป็นอุปสรรคต่อแผนปฏิรูปการคลัง) ล่าสุด IMF หั่นคาดการณ์เติบโตศก.โลกปี 58F ลงเหลือ 3.8% จากเดิมคาดไว้โต 4.0% หลักๆ มาจากการปรับลดคาดการณ์ศก.กลุ่มสหภาพยุโรป บราซิล รัสเซีย และญี่ปุ่น ด้านปัจจัยในปท. ที่ประชุมร่วมคสช.-ครม.ยังคงกฎอัยการศึกต่อไป รอจนกว่าการปฏิรูปปท.จะผ่านไปด้วยดี มอง SET แกว่งลง มีแนวรับ 1525 แนวต้าน 1540-45 ระหว่างวันอาจมีเด้ง ลดช่วงลบ เก็ง 1 ทริกเกอร์ฟันด์ (มูลค่า 3 พันลบ.) เริ่มเข้าลงทุน 10 ต.ค.
กลยุทธ์การลงทุน: ทยอยสะสมแบบไม่รีบร้อน ตลาดยังต้องใช้เวลาปรับฐาน
มอง SET ปัจจุบันที่ร่วงลงมาอยู่แถว 1540+/- เป็นระดับที่น่าสนใจต่อการทยอยสะสมแล้ว เพียงแต่ระยะเวลาในการปรับฐานยังน้อยเกินไป ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีก 1-2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย กว่าจะเริ่มมีความมั่นคงและขยับขึ้นได้ในระยะถัดไป เรายังมอง SET มีโอกาสกลับมาวิ่งขึ้นไปทดสอบแถว 1650 ภายในไตรมาส 4/57 และ 1700 ภายในไตรมาส 1/58 (อิงตามตัวแบบความสัมพันธ์ระหว่าง GDP, มูลค่าตลาดรวม และ SET ของเรา) ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก คือ (1) การเร่งตัวของ GDP ไทยนับจากนี้ไปจนถึงไตรมาส 3/58 (2) เม็ดเงิน LTF & RMF ที่คาดว่าจะไหลเข้าในไตรมาส 4/57 ไม่น้อยกว่า 3 หมื่นลบ. (3) โอกาสผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมในอนาคต จาก ECB, BOJ, PBOC
•หุ้นทยอยเก็บ อ่อนตัวรอบนี้ (หวังผลปลายปี) BBL, CK, KBANK, LPN, MC, SAMART, SPALI, TMB
•หุ้นเทรดดิ้งสั้น (ต้องรับความเสี่ยงได้สูง) (1) หุ้นได้ประโยชน์บาทอ่อน หลังค่าดอลล์ขาขึ้น – GFPT, TUF, BJCHI, STPI (2) หุ้นมีสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิค – PCSGH (3) หุ้นหลีกเลี่ยง – หุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี (ESSO, IRPC, TOP, PTTGC, PTTEP, IVL) ราคาน้ำมันขาลง งบ Q3 ไม่ดี ขาดทุนสต็อกน้ำมัน
•TISCO Weekly Stock Guru สัปดาห์นี้ (6-10 ต.ค.) แนะนำคงสัดส่วนถือหุ้นเพียง 10% และถือ MEGA ต่อ
•หุ้นเด่น (Top picks) เดือน ต.ค. (TISCO Smart Tactics) คือ BCP, BTS, CPN, GFPT, LPN, TUF ?
หุ้นเด่นรายวัน: SST (Initiation of Coverage)
SST – เราเริ่มต้นวิเคราะห์หุ้น SST ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าเหมาะสม 38 บ. (DCF) มอง SST เป็นหุ้น Turnaound ที่จะมีการเติบโตสูงในช่วง 3 ปีข้างหน้า (CAGR ปี 15-17F = 134%) จาก (1) ขายธุรกิจน้ำมันพืชทิ้งไปแล้วใน 3Q57 ซึ่งมีผลงานขาดทุนต่อเนื่อง-เป็นตัวถ่วงธุรกิจอาหารที่มีกำไรดี (2) เพิ่งเข้าซื้อกิจการใหม่ Greyhound ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของกิจการในอนาคต จากแผนการขยายสาขาในปท. 3-4 สาขาต่อปี และขายเฟรนไชส์ในตปท.ปีละ 1 ประเทศ ปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น คือ การประกาศงบ 3Q57F ที่จะพลิกเป็นกำไร จากการบันทึกกำไรราว 330-400 ลบ. จากการขายคลังสินค้าเข้ากองทุนอสังหาฯ, SST อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการ 1-2 แห่ง คาดได้ข้อสรุปภายในปลายปีนี้ และ Cash Balance จะสิ้นสุด 10 ต.ค.
ปัจจัยติดตาม
8 ต.ค.
JPตัวเลขดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในเดือน ส.ค.
USรายงานประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ครั้งก่อน (16-17 ก.ย.)
9 ต.ค.
JPตัวเลขคำสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นในเดือน ส.ค.
GE-UKส่งออก-นำเข้า, ดุลการค้า, ดุลบัญชีเดินสะพัดเยอรมันใน ส.ค., ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)
USสต็อกสินค้าภาคค้าส่งสหรัฐฯ ใน ส.ค., ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ สิ้นสุด 4 ต.ค.
ข่าวเด่น