สรุปภาวะตลาดวันก่อน: SET +4.43 จุด รีบาวด์ตามหุ้นภูมิภาค PBOC หั่นดบ.
SET แกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน กรอบจำกัด 1544-52 โดยเป็นการรีบาวด์หลังร่วง 2 วันติดก่อนหน้านี้ ได้แรงหนุนจากธนาคารกลางจีน (PBOC) หั่นดบ.ซื้อคืนพันธบัตร 14 วันลง จาก 3.5% เป็น 3.4% ต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิเล็กน้อย 250 ลบ. แต่ยัง Short SET50 Index Futures ต่อเป็นวันที่ 3 แต่ลดลงเหลือ 764 สัญญา
ทิศทางตลาดวันนี้: แกว่งแคบ (อิงทางบวก) เก็งงบ Q3 + ลุ้นต่างชาติซื้อคืน
หุ้นโลกเมื่อคืน (14 ต.ค.) ส่วนใหญ่ปิดค่อนทางบวกเล็กน้อย แม้ข้อมูลศก.ยุโรปมีแนวโน้มอ่อนแอลงต่อเนื่อง (ดัชนีความเชื่อมั่นศก.ของเยอรมันลดลงแตะ -3.6 ใน ต.ค. จาก 6.9 ใน ก.ย. ปรับลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี) ขณะที่การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ ออกมาคละเคล้ากัน ด้านราคาน้ำมันดิ่งเหว (NYMEX -3.9$ มาที่ 81.84$/bbl ต่ำสุดรอบ 2 ปี) หลัง IEA ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลก ปัจจัยในปท.ยังแข็งแกร่ง โดยก.พาณิชย์เผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย ก.ย. ปรับขึ้นเป็น 45.8 จาก 44.0 ใน ส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี นอกจากนี้รัฐบาลยังคลอดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวแล้ว โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินคนละ 15,000 บ. มอง SET เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว จากแรงซื้อเก็งงบ Q3 + หวังรีบาวด์ ขณะที่แรงขายต่างชาติเริ่มแผ่ว มีลุ้นกลับมาซื้อคืน แนวรับ 1544 แนวต้าน 1555, 1560-62
กลยุทธ์การลงทุน: ทยอยสะสมช่วงอ่อนตัว SET ปิดเหนือ 1562 จะดูดีมากขึ้น
SET ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยหากสามารถยืนปิดเหนือระดับ 1562 ได้ เรามองแนวโน้มตลาดจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นซิกแซกขึ้น (sideway up) จากเดิมทรงกับซิกแซกลง เรายังมอง SET มีโอกาสกลับมาวิ่งขึ้นไปทดสอบแถว 1650 ภายในไตรมาส 4/57 และ 1700 ภายในไตรมาส 1/58 (อิงตามตัวแบบความสัมพันธ์ระหว่าง GDP, มูลค่าตลาดรวม และ SET ของเรา) ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก คือ (1) การเร่งตัวทุกไตรมาสของ GDP ไทย (2) เม็ดเงิน LTF & RMF ที่คาดว่าจะไหลเข้าในไตรมาส 4/57 ไม่น้อยกว่า 3 หมื่นลบ. (3) โอกาสผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมในอนาคต จาก ECB, BOJ, PBOC เพื่อกระตุ้นศก.ที่ชะลอตัว
•หุ้นทยอยเก็บ อ่อนตัวรอบนี้ (หวังผลปลายปี) BBL, CK, KBANK, LPN, MC, SAMART, SPALI, TMB
•หุ้นเทรดดิ้งสั้น (ต้องรับความเสี่ยงได้สูง) (1) หุ้นมีสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิค – EFORL, CK, CGD, SITHAI (2) หุ้นได้ประโยชน์น้ำมันลง – ภาคขนส่ง (ชอบ AAV, RCL) อื่นๆ (TASCO) (3) หุ้นหลีกเลี่ยง – หุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี (ESSO, IRPC, TOP, PTTGC, PTTEP, IVL) ราคาน้ำมันขาลง งบ Q3 ไม่ดี ขาดทุนสต็อกน้ำมัน, หุ้นเดินเรือ (TTA, PSL) ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) หมดช่วงฤดูกาล ล่าสุดร่วงต่ำสุดรอบ 2 เดือน
•TISCO Weekly Stock Guru สัปดาห์นี้ (13-17 ต.ค.) ไม่มีหุ้นแนะนำประจำสัปดาห์ แต่สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำให้สะสมหุ้น AEONTS เนื่องจากแนวโน้มกำไรกำลังจะฟื้นตัว และ Laggard KTC
•หุ้นเด่น (Top picks) เดือน ต.ค. (TISCO Smart Tactics) คือ BCP, BTS, CPN, GFPT, LPN, TUF
หุ้นเด่นรายวัน: RCL
RCL – เป็นหุ้น Turnaround มองแนวโน้มกำไร 3Q57F พลิกเป็นกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 (จากที่ขาดทุน 2 ปีติด) จากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงด้วย (ต้นทุนน้ำมันคิดเป็น 20-25%) ราคาหุ้น RCL อยู่เพียง PBV 1.0x vs หุ้นเดินเรือ PBV เฉลี่ยที่ 1.2x
ปัจจัยติดตาม
10-21 ต.ค.
THแบงก์ทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/57
15 ต.ค.
JPตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตของญี่ปุ่นในเดือน ส.ค. (สุดท้าย)
CH-GEดัชนีราคาผู้บริโภค-ผู้ผลิตของจีนในเดือน ก.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมันในเดือน ก.ย.
USดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดค้าปลีกใน ก.ย., ผลสำรวจภาคการผลิต (Empire Manuf.) สหรัฐฯ ใน ต.ค.
16 ต.ค.
EUตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของสหภาพยุโรปในเดือน ก.ย. (สุดท้าย)
USตัวเลขผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิตใน ก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
USตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้าน (NAHB) และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจ (Philadelphia Fed) ใน ต.ค.
ข่าวเด่น