SET เช้าเปิดลงทันที 6 จุดตามหุ้นโลก วิตกศก.ยุโรป และเสี่ยงเกิดภาวะเงินฝืด รวมทั้งมีความกังวลต่อสถานการณ์โรคอีโบลาในปท.ฝั่งต.ต.ด้วย  ในช่วงการซื้อขาย 1 ช.ม.สุดท้าย มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่กด SET ปิดต่ำสุดรอบ 10 สัปดาห์  ต่างชาติขายสุทธิต่อ 2.57 พันลบ. และพลิก Short SET50 Index Futures สูงถึง 1.04 หมื่นสัญญา 

 

ทิศทางตลาดวันนี้: มีโอกาสรีบาวด์ แต่ภาพรวมยังผันผวน (กรอบจำกัด)

หุ้นโลกเมื่อคืน (16 ต.ค.) เริ่มชะลอการปรับลง และบางตลาดเริ่มเกิดการรีบาวด์ หลังนายเจมส์ บูลลาร์ด ปธ.FED สาขาเซ็นต์หลุยส์ให้ความเห็นว่า FED น่าจะพิจารณาเลื่อนการยุติ QE ออกไปก่อนจากเดิมที่คาดว่าจะเป็นการประชุม FED 28-29 ต.ค. นี้ (ยกเว้นหุ้นยุโรปในปท.ที่มีปัญหาหนี้สาธารณะในระดับสูง อาทิ กรีซ, โปรตุเกส, สเปน, อิตาลี เป็นต้น ที่ยังร่วงหนักอยู่ จาก Bond Yield ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว) ด้าน VIX Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความผันผวนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลง 1.05 ppt เป็น 25.20% มอง SET ยังผันผวน จากความกังวลศก.ยุโรปที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง และกระแสเงินทุนตปท.ไหลออกจากการหลีกหนีความเสี่ยง (Risk-off) อย่างไรก็ดี มีลุ้นรีบาวด์ เนื่องจากปัจจัยในปท.ยังดี จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนภาครัฐ ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนศก.ในปีหน้าเติบโต และเม็ดเงิน LTF & RMF จ้องเข้าลงทุนช่วงราคาหุ้นอ่อนตัว แนวรับ 1518-20 แนวต้าน 1535+/- อนึ่ง คาดหุ้น ACD, CIG, EMC, FOCUS, GENCO, NIPPON, SST, TAKUNI, TIES ติด Cash Balance เย็นนี้ (17 ต.ค.) 

 

 กลยุทธ์การลงทุน: ทยอยสะสมช่วงอ่อนตัว เทรดดิ้งสั้น เน้นตั้งรับ-ขึ้นขาย

เรามองการร่วงลงของตลาดหุ้นไทยไม่ใช่การเข้าสู่ภาวะตลาดขาลง แต่เป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้น เพื่อลดความร้อนแรงหลังขึ้น 8 เดือนติดต่อกัน การปรับฐานยังมีแนวโน้มต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังเดือน ต.ค. นี้ คาดหวังประชุม FED 28-29 ต.ค. และ ECB 6 พ.ย. จะช่วยกระตุ้นตลาด เรายังมองการอ่อนตัวเป็นโอกาสทยอยซื้อครั้งสุดท้ายของปีนี้ โดยมอง SET จะกลับมายืนเหนือ 1600 จุดอีกครั้ง และคาดว่าจะวิ่งขึ้นไปทดสอบแถว 1650 ใน 4Q57 และ 1700 ใน 1Q58 (อิงตามตัวแบบความสัมพันธ์ระหว่าง GDP, มูลค่าตลาดรวม และ SET ของเรา) เราแนะนำให้เน้นการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ เพราะ (1) ราคายังไม่ปรับตัวขึ้นมาก และยังมี upside อยู่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหุ้นขนาดเล็กที่ราคาวิ่งขึ้นมามากจนน่าจะเกินปัจจัยพื้นฐานรองรับแล้ว (2) เป็นเป้าหมายการลงทุนหลักของเม็ดเงิน LTF & RMF ที่คาดว่าจะไหลเข้ามากสุดในช่วง 2 เดือนนี้ (พ.ย. – ธ.ค. 57)

•หุ้นเทรดสั้น (1) PTT, PTTEP, PTTGC หลังราคาหุ้นร่วงเร็ว น้ำมันเริ่มดีดกลับ (2) หุ้นลงหนักรอบ 1 สัปดาห์ มีพื้นฐานรองรับ ลุ้นรีบาวด์ – CWT, NCH (3) หุ้นที่มีสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิค – BTS, HANA

•หุ้นเด่นที่เราแนะนำให้ทยอยสะสมเพื่อหวังผลในช่วงปลายปีนี้ คือ BBL, BGH, CK, CPN, HMPRO, KBANK, LPN, MC, SAMART, SPALI, TMB, TUF 

•หุ้นในเบื้องต้นที่มีโอกาสเข้า SET50 Index (โอกาสราว 60%) คือ เข้า CK, KTIS / ออก KKP, THCOM และ SET100 Index คือ เข้า HANA, ICHI, SAWAD, TVO, SIM, PCSGH, GOLD, ANAN / ออก DCC, ESSO, LOXLEY, MCOT, NOK, NYT, RS, TASCO

•TISCO Weekly Stock Guru สัปดาห์นี้ (13-17 ต.ค.) ไม่มีหุ้นแนะนำประจำสัปดาห์ แต่สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำให้สะสมหุ้น AEONTS เนื่องจากแนวโน้มกำไรกำลังจะฟื้นตัว และ Laggard KTC 

•หุ้นเด่น (Top picks) เดือน ต.ค. (TISCO Smart Tactics) คือ BCP, BTS, CPN, GFPT, LPN, TUF

 

หุ้นเด่นรายวัน: ไม่มี

 

10-21 ต.ค.

THแบงก์ทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/57

 

17 ต.ค.

USตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U. of Michigan Conf.) ของสหรัฐฯ ในเดือน ต.ค. (เบื้องต้น)

USเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของต่างชาติในเดือน ส.ค.

 USตัวเลขการเริ่มและอนุญาตสร้างบ้านของสหรัฐฯ ในเดือน ก.ย.

 

20 ต.ค.

JPตัวเลขดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ในเดือน ส.ค. (สุดท้าย)

ที่มา : Bloomberg, DB, TISCO Research