ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 พฤศจิกายน 2557) โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 17,366.24 จุด ลดลง 24.28 จุด หรือ -0.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,638.91 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด หรือ +0.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,017.81 จุด ลดลง 0.24 จุด หรือ -0.01%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังมีรายงานข่าวการปิโตรเลียมซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งออกให้กับสหรัฐ โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล หุ้นเชฟรอน คอร์ป และหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 1.5% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานใน S&P 500 ดิ่งลง 1.7%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของข้อมูลในภาคการผลิตของสหรัฐ โดยมาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนต.ค.ลดลงแตะ 55.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จาก 57.5 ในเดือนก.ย.
ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.8% ปิดที่ 334.25 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,194.03 จุด ลดลง 39.06 จุด หรือ -0.92% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,251.70 จุด ลดลง 75.17 จุด หรือ -0.81% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,487.97 จุด ลดลง 58.50 จุด หรือ -0.89%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจากผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 50.6 ในเดือนต.ค. จากระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนที่ 50.3 ในเดือนก.ย. แต่ขยับลงจากตัวเลขเบื้องต้นเดือนต.ค.ที่ระดับ 50.7 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงเข้าใกล้ภาวะชะงักงัน
นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทหลายแห่ง โดยหุ้น Holcim ซึ่งเป็นบริษัทผลิตซีเมนต์รายใหญ่ ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยเกินคาด เนื่องจากความผันผวนของสกุลเงินในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท
ข่าวเด่น