+ ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนปะทุขึ้น โดยยูเครนอ้างว่ารัสเซียส่งรถถังจำนวน 32 คัน รถบรรทุกพร้อมกองทหารจำนวน 30 คัน และปืนใหญ่ 16 กระบอก ข้ามเขตแดนมาทางยูเครนตะวันออกเพื่อสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซีย ซึ่งหากเหตุการณ์นี้เป็นจริงจะส่งผลให้เกิดข้อสงสัยต่อการละเมิดสัญญาการหยุดรบของรัสเซีย โดยความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้อาจรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการขนส่งน้ำมัน ส่งผลให้อุปทานบางส่วนขาดหายไปจากตลาด และผลักดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดีรัสเซียออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยเหตุการณ์ความไม่สงบนี้อาจมีการหยิบยกขึ้นมาระหว่างการประชุม Asia-Pacific Summit และ การประชุมของกลุ่ม G20 ซึ่งประธานาธิบดีปูตินเข้าร่วมการประชุมในระหว่างวันที่ 10-11 พ.ย. และ 15-16 พ.ย. ตามลำดับ
+ สภาพภูมิอากาศในเขต Midwest ของสหรัฐฯ คาดว่าจะหนาวเย็นในช่วง 2 สัปดาห์นี้ เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมวนในเขตขั้วโลก โดยคาดว่าจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปที่ให้ความอบอุ่น เข่น ก๊าซธรรมชาติ ปรับตัวเพิ่มขึ้น และผลักดันให้อุปสงค์น้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ราคาสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่ตลาดนิวยอร์คได้ปรับเพิ่มขึ้น 25% ในช่วง 8 วัน ที่ผ่านมา
+ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวอ่อนค่าลงเทียบกับตะกร้าเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด อย่างไรก็ดีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำระดับแข็งค่าสูงสุดในรอบ 4 ปี โดยค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งแกร่งหลังการมาตราการ QE สิ้นสุดลง และนักลงทุนมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
+ ตลาดแรงงานสหรัฐฯ แข็งแกร่ง หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมในเดือนต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 214,000 ตำแหน่ง แม้ว่าน้อยกว่าคาด และอัตราการว่างงานลดลงเหลือเพียง 5.8% ซึ่งนับเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ดีแม้ตลาดแรงงานจะแข็งแกร่ง แต่ค่าจ้างปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ดังนั้นตลาดมองว่าเฟดยังไม่ควรปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังชนิดเบาที่สิงคโปร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมันเบนซิน ปรับลดลง 0.92% จากสัปดาห์ก่อนหน้า รวมทั้งอุปสงค์จากอินโดนีเซียที่ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามอุปสงค์จากเวียดนามค่อนข้างเงียบเหงา หลังปริมาณสต็อกน้ำมันเบนซินยังคงเพียงพอ เนื่องจากอุปสงค์การใช้น้ำมันเบนซินชะลอตัวลงในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเล็กน้อย อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดีเซลได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้น 1% จากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยขึ้นมายืนที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ประกอบกับอุปสงค์จากตะวันออกกลางและเอเชียที่ลดลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางอยู่
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 76-81 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 82-88 เหรียญฯ
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาท่าทีของสมาชิกในกลุ่มโอเปกต่อการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง ในขณะนี้ยังคงไม่มีสัญญาณใดๆ จากทางกลุ่ม ซึ่งล่าสุดเวเนซุเอลาและเอกวาดอร์ หนึ่งในประเทศสมาชิกที่มีจุดคุ้มทุนด้านงบประมาณ (Fiscal Breakeven Cost) สูงกว่าราคาน้ำมันดิบในตอนนี้ ได้ร่วมมือกันร่างข้อเสนอเพื่อหามาตรการพยุงราคาน้ำมันไว้
โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ทยอยกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง ซึ่งอาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงไม่มากนัก
รายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน พ.ย. ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) และ โอเปก ในวันที่ 12 พ.ย. รวมถึงจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ในวันที่ 14 พ.ย. ติดตามว่าจะมีการปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบโลกในปีนี้และปีหน้าลงอีกหรือไม่ หลังหลายฝ่ายยังกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตาม
วันจันทร์ดัชนีราคาผู้บริโภคจีน - ต.ค. 57
ดัชนีราคาผู้ผลิตจีน - ต.ค. 57
วันพุธการผลิตภาคอุตสาหกรรมยุโรป - ก.ย. 57
วันพฤหัสการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน - ต.ค. 57
ยอดขายปลีกจีน - ต.ค. 57
วันศุกร์ยอดขายปลีกสหรัฐฯ - ต.ค. 57
ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ- ต.ค. 57
ดัชนีราคาผู้บริโภคยุโรป - ต.ค. 57
จีดีพียุโรป ไตรมาส 3/57
ข่าวเด่น