|
|
|
|
|
|
สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 17 พฤศจิกายน 2557 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,150.26-1,163.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,450 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น450 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,000 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ14 อยู่ที่ 18,570 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 470 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,100 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.40 น. ของวันที่ 17/11/14)
แนวโน้มวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าเงินสกุลสำคัญตัวลงชะลอตัว เมื่อนักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐออกมาหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงประเด็นดังกล่าวเพิ่มแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำ แม้นว่าสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกแข็งแกร่งเกินคาด ประกอบกับตลาดทองคำได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อชดเชยจากการทำ Short Covering และคำสั่งซื้อของกลุ่มนักลงทุนเมื่อราคาสามารถผ่านแนวต้านโซน 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นมาได้ซึ่งราคาทดสอบหลายครั้งในช่วงก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถขึ้นมายืนได้ เหตุผลดังกล่าวดันให้ราคาทองคำปิดตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการพุ่ง ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ และถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน
อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจสหรัฐที่เพิ่มมากขึ้นอาจสกัดกั้นช่วงบวกของราคาทองคำ โดยเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในอนาคตอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ ซึ่งจะกระทบราคาทองคำในอนาคต ประกอบกับการเปิดโครงการโรงถลุงแร่ทองคำแห่งใหม่ของอิหร่านถือว่าใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสินแร่ทองคำ เงิน และปรอท พร้อมคาดการณ์เหมืองแห่งนี้มีทรัพยากรแร่ 20 ล้านตัน เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถให้ผลผลิตที่เป็นทองคำได้ปีละ 3 ตัน และหวังว่าจะเพิ่มผลผลิตทองคำได้เป็นสองเท่าในไม่ช้านี้ อุปสงค์ทองคำในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลเชิงลบต่อแนวโน้มราคาทองคำและยังกระตุ้นแรงขายให้เพิ่มขึ้นเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น เบื้องต้นยังคงให้จับตาราคาทองคำบริเวณ 1,195-1,210 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายังไม่สามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือโซนนี้ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะค่อยๆอ่อนตัวลงมาเพื่อสะสมกำลังอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือ แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยเสี่ยงซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,175-1,163 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น ในระยะสั้นราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในกรอบหากราคาสามารถการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้เกิดแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา แต่หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือรับได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิคและนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,195 หรือ 1,210 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนหากราคาไม่หลุดบริเวณแนวรับ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,175 (18,200บาท) 1,163 (18,010บาท) 1,148 (17,780บาท)
แนวต้าน 1,195 (18,510บาท) 1,210 (18,740บาท) 1,225 (18,980บาท)
GOLD FUTURES (GFZ14)
แนวรับ 1,175 (18,360บาท) 1,163 (18,170บาท) 1,148 (17,940บาท)
แนวต้าน 1,195 (18,670บาท) 1,210 (18,910บาท) 1,225 (19,140บาท)
|
บันทึกโดย : วันที่ :
17 พ.ย. 2557 เวลา : 19:26:15
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น