ตลาดหุ้นโลกปิดเมื่อคืนนี้ (17 พฤศจิกายน 2557) ดัชนีฟื้นตัวขึ้นมายืนบนแดนบวกได้ทั้งตลาดหุ้นอเมริกาและยุโรป โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,647.75 จุด เพิ่มขึ้น 13.01 จุด หรือ +0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,671.00 จุด ลดลง 17.54 จุด หรือ -0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,041.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.50 จุด หรือ +0.07%
โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนหลังจาก นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แถลงต่อคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายว่า โครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลถือเป็นเครื่องมือนโยบายที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่าอีซีบีพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่หดตัวลงในไตรมาส 3 ซึ่งสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ หดตัวลง 1.6% ซึ่งสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัว นอกจากนี้ จีดีพีของญี่ปุ่นยังหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในทางเทคนิคแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ลดลง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของภาคเหมืองแร่และภาคสาธารณูปโภค
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากอีซีบีแถลงจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ทำให้ทุกตลาดหุ้นในยุโรปล้วนปิดบวก โดยดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 337.25 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 9,306.35 จุด เพิ่มขึ้น 53.41 จุด หรือ +0.58% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,226.10 จุด เพิ่มขึ้น 23.64 จุด หรือ +0.56% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 6,671.97 จุด เพิ่มขึ้น 17.60 จุด หรือ +0.26%
ข่าวเด่น